รอคิวตรวจ “สมาธิสั้น” นาน

รอคิว “ตรวจสมาธิสั้น” นาน ทำอย่างไรไม่ให้ลูกเสียโอกาสพัฒนา?

โรคสมาธิสั้น (ADHD) หรือ Attention Deficit Hyperactivity Disorder คือ ความผิดปกติของการทำงานของสมองที่ทำให้เด็กมีปัญหาเรื่องสมาธิ อยู่ไม่นิ่ง และควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้

การตรวจสมาธิสั้น เป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยให้คุณพ่อคุณแม่เข้าใจพฤติกรรมของลูกและวางแผนการรักษาอย่างเหมาะสม แต่ในปัจจุบัน จำนวนผู้ปกครองที่รอคิว ตรวจสมาธิสั้น เพิ่มมากขึ้น ทำให้การตรวจต้องใช้เวลานาน และอาจส่งผลต่อโอกาสพัฒนาของเด็ก

สารบัญ

รอคิวตรวจสมาธิสั้นนาน

การตรวจสมาธิสั้นต้องใช้ความละเอียดในการวินิจฉัยและเวลา ในประเทศไทยจำนวนเด็กสมาธิสั้นเพิ่มมากขึ้นทุกปี จากการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี สังคม ทำให้ผู้ปกครองเริ่มตระหนักถึงปัญหาสมาธิสั้น ความสำคัญของการตรวจและรักษาตั้งแต่เด็ก แต่เมื่อเทียบกับบุคลากรทางการแพทย์ที่เชี่ยวชาญด้านนี้ยังมีจำนวนจำกัด เนื่องจากกระบวนการวินิจฉัยสมาธิสั้นมีหลายขั้นตอนและต้องการความแม่นยำ เพื่อแยกอาการ สมาธิสั้น ออกจากภาวะที่คล้ายกัน เช่น LD (Learning Disabilities) หรือ ออทิสติก (ASD)

เราสามารถใช้ช่วงเวลานี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดเพื่อให้ได้ข้อมูลที่แม่นยำและลดระยะเวลาในการวินิจฉัยสมาธิสั้นลงได้ด้วยการเตรียมตัวสำหรับการพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญ ดังนี้

  1. บันทึกพฤติกรรมของลูก ที่แสดงออกในแต่ละวัน เช่น เวลาที่ลูกมีสมาธิมากที่สุด กิจกรรมที่ลูกชอบทำ หรือช่วงเวลาที่ลูกมักจะหุนหันพลันแล่น
  2. รวบรวมเอกสารสำคัญ เตรียมเอกสารที่เกี่ยวข้อง เช่น ประวัติการเจ็บป่วย ใบรับรองแพทย์ หรือผลการเรียนของลูก เพื่อให้แพทย์สามารถวินิจฉัยได้อย่างแม่นยำ
  3. เตรียมตัวและลูกให้พร้อม ทำกิจกรรมที่ลูกสนใจ เพื่อช่วยให้ลูกรู้สึกผ่อนคลายและลดความวิตกกังวล
  4. ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับโรคสมาธิสั้น ค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับโรคสมาธิสั้นจากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ เช่น เว็บไซต์ของโรงพยาบาล หรือหนังสือที่เกี่ยวข้อง
  5. เตรียมคำถามที่จะถามแพทย์ จดคำถามที่คุณอยากจะถามผู้เชี่ยวชาญไว้ล่วงหน้า เช่น อาการของลูกเข้าข่ายโรคสมาธิสั้นหรือไม่ มีวิธีการรักษาอย่างไรบ้าง และควรดูแลลูกอย่างไร

การตรวจสอบเพื่อวินิจฉัย โรคสมาธิสั้น (ADHD) เป็นกระบวนการที่ค่อนข้างละเอียดและต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นผู้ป่วย ผู้ปกครอง และผู้เชี่ยวชาญ จากการสอบถามข้อมูล การสังเกตอาการที่บ้าน โรงเรียน และที่อื่น ๆ เพื่อให้ได้ผลการวินิจฉัยที่ถูกต้อง

  1. การเก็บประวัติครอบครัวและพฤติกรรม แพทย์ต้องสอบถามข้อมูลจากผู้ปกครองเกี่ยวกับพฤติกรรมของลูกในชีวิตประจำวัน
  2. การสังเกตพฤติกรรมเด็ก การประเมินพฤติกรรมในสถานการณ์ต่าง ๆ เช่น การเล่น การพูดคุย หรือการทำกิจกรรม
  3. การใช้แบบประเมินมาตรฐาน เช่น แบบทดสอบเพื่อวัดสมาธิและการควบคุมอารมณ์
  4. การตรวจร่างกายและสมอง เพื่อแยกแยะอาการสมาธิสั้นออกจากปัญหาสุขภาพอื่น ๆ
  5. การวินิจฉัย หลังจากรวบรวมข้อมูลและผลการตรวจประเมินต่างๆ แล้ว ผู้เชี่ยวชาญจะทำการวิเคราะห์ข้อมูลทั้งหมด อาศัยเกณฑ์การวินิจฉัยที่กำหนดไว้ในคู่มือการวินิจฉัยโรคทางจิตเวช (Diagnostic and Statistical Manual of Mental Disorders: DSM)
  6. การวางแผนการรักษา เมื่อได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคสมาธิสั้นแล้ว ผู้เชี่ยวชาญจะวางแผนการรักษาที่เหมาะสม อาจรวมถึงการใช้ยา การบำบัดพฤติกรรม การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน

กระบวนการตรวจสมาธิสั้นอาจใช้เวลานาน ตั้งแต่การรอคิวตรวจ เพราะจำนวนบุคคลากรหรือผู้เชี่ยวชาญ อาจมีไม่เพียงพอต่อจำนวนผู้ป่วยโรคสมาธิสั้น และการวินิจฉัยโรคต้องอาศัยเวลาและความอดทนในการสังเกตพฤติกรรมในแต่ละวัน เนื่องจากอาการของโรคสมาธิสั้นอาจคล้ายกับอาการของโรคอื่น ๆ

Brain and Life อีกหนึ่งทางเลือกที่ไม่ต้องรอคิวนานและรับคำปรึกษาที่เหมาะสม ให้บริการทดสอบทางสมองและพัฒนาการเด็ก ใช้การทดสอบ Gibson Test เพื่อตรวจหาทักษะที่จำเป็นต่อการเรียนรู้ สมาธิ ทักษะที่ต้องพัฒนา และ คอร์สฝึกสมองที่ออกแบบโปรแกรมเฉพาะบุคคล แก้ปัญหาได้ถูกจุด จึงตอบโจทย์พ่อแม่ที่กำลังมองหาการฝึกทักษะการเรียนรู้ให้ลูกได้เรียนรู้ปกติ ใช้ชีวิตเหมือนเด็กทั่วไป

การรอคิวตรวจสมาธิสั้นนานจนเกินไป อาจทำให้ทักษะของลูกพัฒนาตามไม่ทันหรือทักษะที่มีเช่น สมาธิ ความจำ การประมวลผล ลดน้อยลงไปมากกว่าเดิม หากไม่ได้รับการช่วยเหลือเร็วพอ  อาจส่งผลต่อพัฒนาการของเด็กในหลายด้าน  การเรียนรู้และทักษะทางสังคม ทำให้พฤติกรรมเด็กสมาธิสั้น มีอาการมากกว่าเดิมไเ้

ผลกระทบต่อด้านการเรียนรู้และพัฒนาการทางสมอง

  • ผลการเรียนตกต่ำ เด็กสมาธิสั้นมักมีปัญหาในการจดจ่อเรียนรู้ ทำให้ผลการเรียนต่ำกว่าเกณฑ์ ส่งผลต่อความมั่นใจและทัศนคติต่อการเรียนรู้ในระยะยาว
  • พัฒนาการทางสมองช้า การไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสมในช่วงวัยเด็ก อาจส่งผลต่อการพัฒนาของสมองบางส่วนที่เกี่ยวข้องกับสมาธิและการควบคุมตัวเอง
  • ปัญหาในการเข้าสังคม เด็กสมาธิสั้นมักมีปัญหาในการควบคุมอารมณ์และพฤติกรรม ทำให้เกิดปัญหาในการเข้าสังคมกับเพื่อนและครู

ผลกระทบต่อด้านอารมณ์และพฤติกรรม

  • ความวิตกกังวลและซึมเศร้า เมื่อเด็กไม่สามารถทำสิ่งที่คาดหวังได้ อาจนำไปสู่ความรู้สึกผิดหวัง เครียด และกังวล ซึ่งอาจพัฒนาไปสู่ภาวะซึมเศร้าในระยะยาว
  • พฤติกรรมก้าวร้าว เด็กสมาธิสั้นบางรายอาจแสดงพฤติกรรมก้าวร้าวเพื่อระบายความอัดอั้นตันใจออกมา
  • ไม่เห็นคุณค่าในตัวเอง (Low Self-Esteem) การถูกตำหนิซ้ำ ๆ และความล้มเหลวในการเรียน อาจทำให้เด็กมีความไม่มั่นใจในตัวเองมากพอ

ผลกระทบในระยะยาว

  • ปัญหาในการทำงาน เมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ เด็กสมาธิสั้นที่ไม่ได้รับการรักษาอาจมีปัญหาในการทำงานที่ต้องใช้สมาธิและการควบคุมตนเองสูง
  • ปัญหาในการสร้างความสัมพันธ์ การขาดทักษะทางสังคมอาจส่งผลต่อความสัมพันธ์กับผู้อื่นในชีวิตส่วนตัว
  • ความเสี่ยงต่อการใช้สารเสพติด เด็กสมาธิสั้นบางรายอาจหันไปพึ่งพาสารเสพติดเพื่อบรรเทาอาการ

ดังนั้น การวินิจฉัยและรักษาโรคสมาธิสั้นในเด็กแต่เนิ่นๆ จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อป้องกันผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในระยะยาว หากคุณสงสัยว่าบุตรหลานของคุณมีอาการของโรคสมาธิสั้น ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อขอคำแนะนำและการวินิจฉัยที่ถูกต้อง

รักษา ADHD_CTA
พัฒนาสมาธิสั้น ระหว่างรอคิว

เมื่อการรอคิวตรวจสมาธิสั้น (ADHD Diagnosis) ใช้เวลานาน พ่อแม่อาจกังวลว่าลูกจะเสียโอกาสในการพัฒนา แต่ในความเป็นจริง ช่วงเวลารอคิวนี้สามารถใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้ หากพ่อแม่เริ่มพัฒนาลูกในด้านต่าง ๆ ด้วยวิธีที่เหมาะสม การปรับพฤติกรรมและเสริมกิจกรรมสร้างสมาธิสามารถช่วยให้ลูกก้าวหน้าและมีความมั่นใจมากขึ้น เช่น

  • ปรับพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน สร้างตารางเวลาที่ชัดเจน เช่น เวลาเรียน เวลาพักผ่อน และเวลากิจกรรม
  • ใช้คำชมและรางวัล เมื่อเด็กทำสิ่งที่เหมาะสม เช่น “เก่งมากที่ลูกนั่งทำการบ้านจนเสร็จ” สร้างความมั่นใจแทนการตำหนิ
  • เสริมกิจกรรมเพิ่มสมาธิ ให้ลูกทำกิจกรรมที่ช่วยพัฒนาสมาธิ เช่น ต่อบล็อก วาดภาพ หรือเล่นเกมฝึกสมอง
  • หลีกเลี่ยงการใช้หน้าจออิเล็กทรอนิกส์เป็นเวลานาน
  • ฝึกทักษะการเข้าสังคม สร้างโอกาสให้เด็กได้เล่นกับเพื่อนในวัยเดียวกัน
  • ฝึกการสื่อสาร สอนลูกใช้คำพูดสุภาพ เช่น “ขอบคุณ” หรือ “ขอโทษ” และสื่อสารความต้องการของตัวเองอย่างชัดเจน
  • พัฒนาด้วยโปรแกรม Brain Training เลือกใช้โปรแกรมพัฒนาทักษะสมองที่ออกแบบมาเฉพาะจะช่วยแก้ไขปัญหาสมาธิสั้นในระหว่างรอการวินิจฉัย ช่วยพัฒนาความจำ สมาธิ และการควบคุมอารมณ์ผ่านกิจกรรมบำบัดสมาธิสั้นโดยเฉพาะ

Brain and Life Center มีโปรแกรมที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับเด็กที่มีปัญหาสมาธิสั้นและเด็กปัญหาด้านพฤติกรรม ได้รับการวิจัยจากผู้เชี่ยวชาญและทันสมัย ประเมินและปรับแผนพัฒนาตามความก้าวหน้าของเด็ก ดูแลโดยผู้เชี่ยวชาญอย่างใกล้ชิด พัฒนาสมาธิ ความจำ และทักษะการเรียนรู้ ที่จำเป็นต่อเด็กสมาธิสั้น

สรุปรอคิวตรวจสมาธิสั้นนาน ทำอย่างไรไม่ให้ลูกเสียโอกาสพัฒนา?

แม้ว่าการตรวจสมาธิสั้นจะใช้เวลาและต้องรอคิวนาน แต่คุณพ่อคุณแม่สามารถช่วยเหลือลูกระหว่างการรอคิวได้ด้วยการปรับพฤติกรรม จัดกิจกรรมเสริมสมาธิ เพื่อไม่ให้ลูกเสียโอกาสในการพัฒนาทักษะที่จำเป็น เพื่อช่วยให้ลูกพัฒนาทักษะได้อย่างเต็มที่

Brain and Life Center พร้อมสนับสนุนคุณพ่อคุณแม่ด้วยโปรแกรมที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับเด็กสมาธิสั้น เพื่อให้ลูกสามารถเรียนรู้และเติบโตอย่างมั่นใจ เป็นตัวช่วยให้ลูกของคุณพัฒนาสมาธิ ความจำ และทักษะการเรียนรู้

This will close in 0 seconds