พัฒนาสมองลูก ในแต่ละช่วงวัย

พัฒนาสมองลูก ในแต่ละช่วงวัย ให้ฉลาดสมวัย

สมองเป็นอวัยวะสำคัญที่ควบคุมการเรียนรู้ ความคิด และพฤติกรรม การ พัฒนาสมองลูก ตั้งแต่วัยแรกเกิดจนถึงวัยเรียนมีผลต่อการเติบโตในอนาคต เพราะ ช่วงเวลาทองสำหรับการเรียนรู้ของมนุษย์คือ 2-7 ปี โดยกว่า 90% ของการเจริญเติบโตของสมองเกิดขึ้นในวัยก่อนอนุบาล และการพัฒนาสมองในระยะแรกจะส่งผลระยะยาวไปตลอดชีวิต การเข้าใจ พัฒนาการสมอง ในแต่ละช่วงวัย และเลือก วิธีกระตุ้นสมองตั้งแต่เด็ก อย่างเหมาะสม จะช่วยสร้างพื้นฐานที่แรงสำหรับการเรียนรู้และชีวิตประจำวันของลูกน้อย

สารบัญ    

หน้าที่ของสมองและความสำคัญ

สมอง คืออวัยวะที่มีความซับซ้อนที่ควบคุมความคิด ความจำ อารมณ์ การสัมผัส ทักษะด้านการเคลื่อนไหว การมองเห็น การหายใจ การควบคุมอุณหภูมิ ความหิว และกระบวนการอื่น ๆ หรือเรียกได้ว่า เป็นศูนย์ควบคุมการทำงานของร่างกาย โดยหน้าที่ของสมองที่สำคัญ มีดังนี้

  • สมองส่วนหน้า (Frontal Lobe) ควบคุมการตัดสินใจ การแก้ปัญหา และสมาธิ
  • สมองส่วนกลาง (Parietal Lobe) รับรู้ข้อมูลจากประสาทสัมผัส เช่น การสัมผัสและการมองเห็น
  • สมองส่วนหลัง (Occipital Lobe) รับผิดชอบด้านการมองเห็น
  • สมองส่วนลึก (Temporal Lobe) ควบคุมอารมณ์และความทรงจำ

การทำงานของสมอง จะพัฒนาไปตามช่วงวัยและประสบการณ์ที่ได้รับ การดูแลและพัฒนาสมองอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้ลูกมีสมองที่ดี มีความคิดสร้างสรรค์ และทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สมอง

การสมองทำงานของสมองจะอาศัยเซลล์ประสาท (Neurons) ที่เชื่อมต่อกันผ่านสัญญาณไฟฟ้าและเคมี ทำให้สมองสามารถทำงานได้อย่างรวดเร็วและประมวลผลข้อมูลหลากหลายพร้อมกัน

1. การรับข้อมูล สมองรับข้อมูลจากประสาทสัมผัส เช่น การมองเห็น การได้ยิน และการสัมผัส เช่น เมื่อลูกสัมผัสของเล่นที่มีพื้นผิวต่างกัน สมองจะแยกแยะและจดจำความรู้สึกที่ได้รับ

2. การประมวลผลข้อมูล สมองวิเคราะห์ข้อมูลและตัดสินใจว่าจะตอบสนองอย่างไร เช่น เมื่อลูกเห็นลูกบอลกลิ้งมา สมองจะประมวลผลและส่งสัญญาณให้มือหยิบบอล

3. การตอบสนอง สมองส่งสัญญาณไปยังกล้ามเนื้อและอวัยวะต่าง ๆ เพื่อให้เกิดการตอบสนอง เช่น เมื่อเด็กได้ยินเสียงเรียก สมองจะสั่งให้หันไปตามเสียง

พัฒนาการสมอง เป็นกระบวนการที่ซับซ้อนและมีความสำคัญต่อชีวิตมนุษย์ตั้งแต่แรกเกิดจนโตเต็มวัย สมองไม่ได้เป็นเพียงแค่ศูนย์กลางของการคิดวิเคราะห์และการจดจำ แต่ยังเป็นตัวกำหนดพฤติกรรม การแสดงออก และความสามารถในการเรียนรู้ในทุกช่วงวัย

พัฒนาการสมองเด็กวัยแรกเกิด (0-2 ปี)

ในช่วงวัยนี้ สมองของเด็กพัฒนาอย่างรวดเร็ว เพราะเซลล์ประสาทสร้างการเชื่อมโยง (Synapse) เพื่อรองรับการเรียนรู้และประสบการณ์ใหม่ ๆ เด็กในวัยนี้สามารถเรียนรู้ผ่าน การกอด การพูดคุย หรือการสัมผัส

กิจกรรมกระตุ้นสมองในวัยแรกเกิด

  • การสัมผัสและกอด ช่วยกระตุ้นการหลั่งสารออกซิโตซิน (Oxytocin) ซึ่งช่วยเสริมความรู้สึกปลอดภัยและพัฒนาความสัมพันธ์
  • พูดคุยกับลูก ช่วยพัฒนาสมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับภาษา

พัฒนาการสมองเด็กวัยอนุบาล (3-6 ปี)

ช่วงวัยอนุบาลเป็นเวลาที่เด็กเริ่มเรียนรู้ทักษะพื้นฐาน และสมองเริ่มพัฒนาในส่วนของการคิดสร้างสรรค์ การแก้ปัญหา และการควบคุมอารมณ์  เช่น การอ่าน การเขียน และการเข้าสังคม

กิจกรรมที่ช่วยกระตุ้นสมองในวัยอนุบาล

  • ทำกิจกรรมครอบครัว เช่น การวาดภาพ ต่อบล็อก ช่วยกระตุ้นสมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับจินตนาการและการแก้ปัญหา
  • เล่านิทานหรืออ่านหนังสือ พัฒนาสมองด้านภาษา ลดโอกาสเสี่ยงเป็น โรคบกพร่องทางการเรียนรู้ หรือ LD (Learning Disorder)
  • เล่นกิจกรรมกลางแจ้ง ช่วยกระตุ้นสมองส่วนที่ควบคุมการเคลื่อนไหวและการทรงตัว

พัฒนาการสมองเด็กประถม (7-12 ปี)

สมองของเด็กในวัยประถมเริ่มพัฒนาไปสู่การเรียนรู้ เช่น การคิดวิเคราะห์และการแก้ปัญหา

กิจกรรมที่ช่วยกระตุ้นสมองเด็กวัยประถม

  • ใช้สื่อการสอนที่น่าสนใจ เช่น วิดีโอ หรือแบบฝึกหัดที่สนุก จะช่วยกระตุ้นสมองส่วนหน้าที่เกี่ยวข้องกับการคิดวิเคราะห์
  • ฝึกทักษะผ่านการเล่นดนตรีหรือกีฬา เช่น เรียนเปียโน การเล่นกีฬา ช่วยสร้างสมาธิ การทำงานร่วมกับทีม และความจำระยะยาว
  • ส่งเสริมกิจกรรมกลุ่ม เช่น การเข้าค่ายหรือทำกิจกรรมที่ต้องทำงานร่วมกับผู้อื่น จะช่วยพัฒนาสมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับการสื่อสารและการเข้าสังคม

พัฒนาการสมองของวัยรุ่น (13 ปีขึ้นไป)

ในช่วงวัยรุ่น สมองส่วนหน้าที่ควบคุมการตัดสินใจและการคิดเชิงวิเคราะห์ยังคงพัฒนาต่อเนื่อง และเป็นเวลาสำคัญสำหรับการพัฒนาอิสระในการคิดและการตัดสินใจ ช่วยเตรียมความพร้อมสำหรับการก้าวเข้าสู่ชีวิตผู้ใหญ่

กิจกรรมที่ช่วยกระตุ้นสมองวัยรุ่น

  • ฝึกการวางแผนและการจัดเวลา จะช่วยกระตุ้นสมองส่วนหน้าที่เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจ และสร้างความรับผิดชอบได้
  • ส่งเสริมการค้นคว้าและทดลอง ช่วยเสริมทักษะการคิดเชิงวิเคราะห์และการแก้ปัญหา เปิดโอกาสให้เด็กเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ

พัฒนาการของสมองก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างที่ส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของเซลล์ประสาทและเครือข่ายประสาทในสมอง สมองจะพัฒนาได้ดีที่สุดเมื่อได้รับการกระตุ้นที่เหมาะสม ปัจจัยที่มีบทบาทสำคัญได้แก่

  1. การเลี้ยงดู การแสดงความรักและการให้ความสำคัญกับลูกช่วยเสริมสร้างความมั่นใจและความมั่นคงทางอารมณ์
  2. สิ่งแวดล้อม การเติบโตในที่ที่เอื้อต่อการเรียนรู้และพัฒนา เช่น ครอบครัวที่อบอุ่น การได้เล่นและทำกิจกรรมต่างๆ จะช่วยพัฒนาสมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเรียนรู้ได้
  3. โภชนาการ อาหารที่มีสารอาหารครบถ้วน เช่น โปรตีน ไขมันดี วิตามิน และแร่ธาตุต่างๆ จะช่วยให้เซลล์ประสาทเจริญเติบโตและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะที่อาหารขยะหรือสารพิษต่างๆ อาจส่งผลเสียต่อการพัฒนาของสมอง
  4. การพักผ่อน การนอนหลับอย่างเพียงพอช่วยให้สมองฟื้นฟู และจัดระเบียบข้อมูลที่ได้รับมาตลอดวัน เพื่อพร้อมสำหรับการเรียนรู้ใหม่ ๆ
  5. อายุ เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อพัฒนาการของสมอง สมองจะพัฒนาได้เร็วที่สุดในช่วงวัยเด็กหรือเรียกว่าช่วงเวลาทองของการเรียนรู้
Gibson Test_CTA
วิธีกระตุ้นสมองให้ฉลาด

การพัฒนาสมอง เริ่มต้นตั้งแต่ยังเล็ก จะช่วยให้เด็กมีพัฒนาการทางด้านสติปัญญา อารมณ์ สังคมที่ดีขึ้น อีกทั้งยังพัฒนาได้ไวกว่าเด็กที่มีอายุสูงขึ้น วิธีการกระตุ้นสมองเด็กให้ฉลาด นั้นไม่ได้มีแค่การเรียนการสอนในห้องเรียน แต่ยังรวมถึงการสร้างประสบการณ์ที่หลากหลายเพื่อกระตุ้นพัฒนาการในทุกด้าน ดังนั้นวิธีที่จะส่งเสริมให้ลูก เรียนเก่ง ฉลาด มีอยู่หลากหลายวิธี ยกตัวอย่างเช่น

  • การกินนมแม่ ตั้งแต่ยังเล็กเพราะนมแม่เป็นโภชนาการธรรมชาติที่อุดมไปด้วยสารอาหารที่ช่วยเสริมสร้างและพัฒนาสมองของลูกน้อย เช่น ดีเอชเอ วิตามิน ทอรีน และสฟิงโกไมอีลิน เป็นต้น
  • เรียนรู้จากการเล่น เพื่อสร้างประสบการณ์ การเล่นอย่างอิสระเป็นพื้นที่ที่ดีที่สุดสำหรับการเรียนรู้และพัฒนาสมอง เพราะเด็กจะได้คิด วิเคราะห์และแก้ปัญหาในแบบของตัวเอง เช่น ต่อบล็อก การวาดภาพ หรือแม้แต่การเล่นบทบาทสมมติ
  • การอ่าน หรืออ่านหนังสือให้ลูกฟังตั้งแต่วัยแรกเกิดจนถึงวัยอนุบาลเป็นวิธีการกระตุ้นสมองที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด สมองของเด็กจะประมวลผลข้อมูลผ่านคำศัพท์ที่ได้ยินและภาพประกอบที่มองเห็น เสียงของพ่อแม่หรือผู้เล่าเรื่องยังช่วยกระตุ้นสมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับภาษาและความจำได้อีกด้วย
  • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การเคลื่อนไหวร่างกายช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือด และส่งออกซิเจนไปยังสมอง ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างการทำงานของกล้ามเนื้อ และทำให้เด็กมีความสามารถรับมือกับความเครียดได้ดีขึ้น
  • นอนหลับพักผ่อน จะทำให้ลูกน้อยนอนหลับได้เพียงพอ ซึ่งมีผลต่อการเรียนรู้ สมาธิ และพัฒนาการด้านอารมณ์ เมื่อลูกตื่นไปเรียนในตอนเช้าจะช่วยให้สามารถจดจำและมีสมาธิในการเรียนรู้ได้ดีขึ้น
  • ฝึกพัฒนาสมอง หากิจกรรมฝึกสมองให้กับลูก เช่น การอ่าน และการเล่นดนตรี หรือการพูดโต้ตอบ กิจกรรมเหล่านี้จะช่วยให้ลูกค่อย ๆ ได้เรียนรู้ จดจำ และสามารถพัฒนาต่อยอดเป็นทักษะที่ดีในอนาคตได้

Brain and Life Center สถาบันพัฒนาสมอง วัดประสิทธิภาพ ทักษะต่าง ๆ ทางการคิดและการเรียนรู้ 7 ด้าน (Cognitive Skills) ซึ่งจะช่วยพัฒนาทักษะสมองการคิดและการเรียนรู้ ซึ่งโปรแกรมไม่ได้สอนเนื้อหาความรู้ แต่จะเปลี่ยนวิธีคิดของสมองในการรับข้อมูลเข้ามาและสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้ โดยการฝึกเป็นการออกกำลังกายสมองด้วยการเล่นเกม ผู้เรียนจะมีความสนุกสนานในการฝึก

สรุปพัฒนาสมองลูก ในแต่ละช่วงวัย อย่างไรให้ฉลาด

สมองของเด็กพัฒนาตลอดเวลา และการกระตุ้นสมองในแต่ละช่วงวัยที่จะช่วยเสริมสร้างศักยภาพได้ในระยะยาว เช่น การเล่น การอ่าน โภชนาการ การออกกำลังกาย และการสร้างความสัมพันธ์ในครอบครัว ล้วนเป็นวิธีที่คุณพ่อคุณแม่สามารถใช้กระตุ้นสมองลูกให้ฉลาดและมีพัฒนาการที่ดีในทุกด้าน เมื่อสมองได้รับการกระตุ้นอย่างเหมาะสม เด็กจะมีความพร้อมในการเรียนรู้ และสามารถปรับตัวในสังคมได้

การลงทุนในสมองของลูกตั้งแต่วัยเด็กไม่เพียงช่วยให้พวกเขาฉลาดขึ้น แต่ยังสร้างพื้นฐานที่มั่นคงสำหรับการเรียนรู้และการใช้ชีวิตในอนาคต

Brain and Life Center พร้อมสนับสนุนพัฒนาการสมองของเด็กในทุกช่วงวัยด้วยโปรแกรมที่ออกแบบเฉพาะเพื่อเสริมสร้างทักษะการเรียนรู้ สมาธิ และความมั่นใจ ให้ลูกของคุณพร้อมสำหรับการเรียนรู้และการเติบโตที่ดีขึ้นในอนาคต

GibsonTest_CTAmotion-gif

This will close in 0 seconds