รักษาสมาธิสั้น ไม่ต้องพึ่งยา

รักษาสมาธิสั้น ด้วยการฝึกสมอง ไม่ต้องพึ่งยา ปลอดภัยระยะยาว

หากคุณเพิ่งค้นพบว่าตัวเองเป็น สมาธิสั้น (ADHD) หรือแม้แต่ลองไปหาหมอและลองใช้ยาแล้วแต่ไม่ดีขึ้นอย่างที่หวัง อย่าเพิ่งท้อใจครับ เพราะในปัจจุบันยังมีอีกหนึ่งแนวทางที่น่าสนใจและได้ผลจริง นั่นคือ “การฝึกสมองเพื่อพัฒนาอาการสมาธิสั้น” ซึ่งเป็นการดูแลแบบไม่ใช้ยาและให้ผลลัพธ์ที่ยั่งยืนกว่าในระยะยาว

อ่าน รักษาโรคสมาธิสั้น ราคาและผลข้างเคียงที่ต้องรู้

สารบัญ

ทำไมบางคน รักษาสมาธิสั้น ด้วยยาแล้วไม่ได้ผล?

การฝึกสมองคืออะไร?

คนที่มีสมาธิสั้นมักมีปัญหาเหล่านี้

Brain and Life ศูนย์ฝึกสมองทางเลือกสำหรับผู้มีสมาธิสั้น

สรุป

รักษาสมาธิสั้น

ทำไมบางคน รักษาสมาธิสั้น ด้วยยาแล้วไม่ได้ผล?

ยารักษาอาการสมาธิสั้น เช่น ยากระตุ้น (Stimulants) อย่าง Ritalin หรือ Concerta นั้นมีบทบาทในการเพิ่มสารเคมีในสมองที่เกี่ยวกับสมาธิและการควบคุมพฤติกรรม ซึ่งสามารถช่วยได้ในบางคน แต่ก็ไม่ได้ผลกับทุกคน และอาจมีผลข้างเคียง เช่น

  • นอนไม่หลับ
  • หงุดหงิดง่าย
  • เบื่ออาหาร
  • อารมณ์แปรปรวน

และที่สำคัญคือ… เมื่อหยุดยา อาการมักกลับมาเป็นเหมือนเดิม เพราะตัวยาช่วยแค่ “กด” อาการไว้ ไม่ได้เปลี่ยนการทำงานของสมองในระดับโครงสร้าง

การฝึกสมองคืออะไร?

การฝึกสมอง (Cognitive Training) คือ กระบวนการที่ใช้กิจกรรมต่างๆ ที่ออกแบบมาเฉพาะทาง เพื่อช่วยให้สมองพัฒนาทักษะบางด้านที่เราต้องการเสริม เช่น ความจำ สมาธิ การวางแผน การควบคุมอารมณ์ หรือการจดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง

กิจกรรมที่ใช้ฝึกสมองอาจเป็นได้ทั้งเกมฝึกความจำ การฝึกจดจ่อกับเสียงหรือภาพ การแก้โจทย์ที่ต้องคิดเชิงตรรกะ หรือกิจกรรมที่ฝึกให้สมองโฟกัสและควบคุมตัวเองได้มากขึ้น

คนที่มีสมาธิสั้นมักมีปัญหาเหล่านี้:

  • โฟกัสกับสิ่งหนึ่งได้น้อย
  • สมองวอกแวกง่ายเมื่อมีสิ่งกระตุ้น เช่น เสียงหรือภาพที่เยอะ
  • ควบคุมแรงกระตุ้นตัวเองยาก เช่น พูดแทรก ลุกเดิน
  • จัดการเวลา หรือทำงานให้เสร็จลำบาก

แต่เมื่อสมองถูกฝึกอย่างต่อเนื่อง ทักษะเหล่านี้จะค่อยๆ ดีขึ้น เช่น:

  • มีสมาธิได้นานขึ้นโดยไม่ต้องฝืน
  • ไม่วอกแวกง่ายเมื่อมีเสียงหรือสิ่งรบกวน
  • ควบคุมพฤติกรรมหรืออารมณ์ตัวเองได้ดีขึ้น
  • ไม่ต้องพึ่งยาเพื่อให้นิ่ง เพราะสมองเริ่ม “เรียนรู้วิธีใหม่ในการจัดการตัวเอง”

ถ้าการกินยาเป็นเหมือนการ “กดปุ่มปิดเสียงรบกวน” การฝึกสมองก็คือการ “สอนให้สมองปรับเสียงเองได้ในระยะยาว” ทำให้แม้จะหยุดฝึกไปแล้ว อาการก็ไม่กลับมาแย่เหมือนตอนหยุดยา เพราะสมองได้พัฒนาโครงสร้างการทำงานของมันเองแล้ว

Brain and Life เป็นสถาบันที่เน้นการบำบัด สมาธิสั้นแบบไม่ใช้ยา โดยออกแบบโปรแกรมฝึกสมองรายบุคคล โดยใช้ศาสตร์ด้านประสาทวิทยาและจิตวิทยาการเรียนรู้ร่วมกัน

จุดเด่นของที่นี่คือ

  • เน้นการ เปลี่ยนพฤติกรรมผ่านการฝึกสมองโดยตรง
  • มีแบบทดสอบวิเคราะห์สมองอย่างละเอียดก่อนเริ่มฝึก
  • พัฒนาโปรแกรมรายบุคคลตามจุดแข็ง-จุดอ่อนของแต่ละคน
  • ใช้เทคโนโลยีฝึกสมองที่มีงานวิจัยรองรับ เช่น Neurofeedback, Brain training games, Sensory integration
  • เมื่อหยุดฝึก อาการไม่กลับแย่ลง เพราะสมองได้ “เรียนรู้วิธีใหม่” แล้ว
Gibson Test_CTA

แล้วถ้าฝึกสมองจนดีขึ้น แล้วจะเป็นเหมือนเดิมอีกไหม?

หลายคนที่มีอาการสมาธิสั้นอาจสงสัยว่า ถ้าเราลองฝึกสมองไปสักพักจนรู้สึกดีขึ้นแล้ว พอหยุดฝึกจะกลับมาแย่อีกไหม เหมือนกับตอนหยุดกินยา?

คำตอบคือ “ไม่จำเป็นต้องแย่ลง” ค่ะ เพราะการฝึกสมองนั้นต่างจากการรักษาด้วยยาโดยสิ้นเชิง

การใช้ยา เปรียบเหมือนการ “กดรีโมตให้เงียบ”

เมื่อเรากินยาเข้าไป สมองจะได้รับสารที่ช่วยเพิ่มสมาธิหรือกดพฤติกรรมบางอย่าง เช่น ความวอกแวกหรือหุนหันพลันแล่น ทำให้ดูเหมือนว่าเราควบคุมตัวเองได้ดีขึ้น แต่จริงๆ แล้วเป็นเพราะ “ยาทำงานแทนเรา” เมื่อหยุดยา ร่างกายก็ขาดตัวช่วย แล้วอาการก็จะกลับมาเหมือนเดิม

แต่การฝึกสมอง เปรียบเสมือน “การออกกำลังกายให้สมองแข็งแรงขึ้นจริงๆ”

เมื่อคุณฝึกสมองอย่างต่อเนื่อง เช่น ฝึกความจำ ฝึกการจดจ่อ ฝึกควบคุมอารมณ์ สมองของคุณจะเริ่มพัฒนา “เครือข่ายการทำงาน” ใหม่ๆ ภายในตัวเอง คล้ายกับการสร้างกล้ามเนื้อที่แข็งแรงหรือฝึกทักษะใหม่ เช่น ขี่จักรยานหรือว่ายน้ำ

แม้คุณจะหยุดฝึกไปบ้าง สมองก็ยังจำวิธีการทำงานแบบใหม่นั้นได้อยู่ — ไม่ลบเลือนไปง่ายๆ

ดังนั้น…

  • ถ้าคุณหยุดฝึกชั่วคราว อาการจะไม่กลับมาแย่ในทันที
  • แต่ถ้าคุณอยากให้สมองเก่งขึ้นเรื่อยๆ การฝึกอย่างสม่ำเสมอยังคงสำคัญ
  • เหมือนการออกกำลังกาย: ถ้าหยุดเล่นฟิตเนสไป 1 เดือน กล้ามอาจลดลงนิดหน่อย แต่ไม่ถึงกับกลับไปจุดเริ่มต้นแน่นอน ถ้าคุณเคยฝึกมาอย่างจริงจัง

นี่คือเหตุผลที่การฝึกสมองเป็นแนวทางที่ยั่งยืนกว่าในระยะยาว และสามารถเสริมสร้างศักยภาพให้เราใช้ชีวิตได้ดีขึ้นโดยไม่ต้องพึ่งยาไปตลอดค่ะ

หากต้องการให้ใส่ตัวอย่างกิจกรรมฝึกสมอง หรือกรณีศึกษาจริงเพิ่มเติม ก็แจ้งได้เลยนะคะ เดี๋ยวเสริมให้ค่ะ

สรุป

สมาธิสั้นไม่ใช่โรคที่รักษาไม่ได้ ถ้าเราเลือกวิธีที่เหมาะกับตัวเอง หากรู้ว่าตัวเองมี สมาธิสั้นและอาจมีความไวต่อเสียงร่วมด้วย และลองรักษาด้วยยาแล้วไม่เวิร์ก ลองหันมามองทางเลือกที่ยั่งยืนอย่าง การฝึกสมอง ที่ไม่เพียงแค่ช่วยให้อาการดีขึ้น แต่ยังเสริมสร้างศักยภาพในการใช้ชีวิตได้ในระยะยาว

This will close in 0 seconds