
พาลูกหา หมอสมาธิสั้นเก่งๆ ทำไมถึงรอตรวจนาน! โรงเรียนพัฒนาสมอง ช่วยได้
การรอคอยการนัดหมายแพทย์สำหรับ เด็กสมาธิสั้น (ADHD) ในประเทศไทยอาจใช้เวลานานหลายเดือน เนื่องจากจำนวน หมอสมาธิสั้นเก่งๆ ในประเทศไทย หรือ แพทย์เฉพาะทางที่มีจำกัด ซึ่งการวินิจฉัยและการรักษา เด็กสมาธิสั้น ด้วยยา ต้องดำเนินการโดยแพทย์เท่านั้น อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่รอคอยการรักษา การพัฒนาและเสริมสร้างทักษะที่จำเป็นสามารถช่วยให้เด็กสามารถจัดการและพัฒนาทักษะในชีวิตประจำวันได้ โรงเรียนพัฒนาสมอง จึงเป็นทางเลือกหนึ่งที่ช่วยเตรียมความพร้อมให้เด็กสมาธิสั้นก้าวข้ามอุปสรรคและพัฒนาตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สารบัญ
กิจกรรมบำบัดสำหรับเด็กสมาธิสั้น
ความสำคัญของการฝึกสมองระหว่างรอคิวไปพบแพทย์
การฝึกสมองโดยผู้เชี่ยวชาญที่ Brain and Life Center
ทำไมต้อง โรงเรียนพัฒนาสมอง?
โรงเรียนพัฒนาสมอง ไม่ใช่การรักษาโรคสมาธิสั้นโดยตรง แต่เป็นการเสริมสร้างทักษะที่จำเป็นให้กับเด็กเพื่อช่วยให้พวกเขาสามารถจัดการกับปัญหาต่าง ๆ ได้ดีขึ้น โดยทักษะที่สามารถพัฒนาได้มีดังนี้
- การควบคุมสมาธิและความจดจ่อ – ฝึกให้เด็กสามารถจดจ่อความสนใจในงานหรือกิจกรรมต่าง ๆ ได้ดีขึ้น
- การบริหารจัดการเวลาและการวางแผน – ช่วยให้เด็กสามารถทำงานหรือกิจกรรมได้อย่างมีระบบ
- การควบคุมอารมณ์และการจัดการความหุนหันพลันแล่น – ฝึกให้เด็กสามารถควบคุมตนเอง ลดพฤติกรรมที่ส่งผลเสียต่อการใช้ชีวิตประจำวัน
- ทักษะการเรียนรู้และการแก้ปัญหา – ส่งเสริมความสามารถในการคิดวิเคราะห์และปรับตัวในสถานการณ์ต่าง ๆ
- ทักษะการเข้าสังคม – พัฒนาให้เด็กสามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่นได้
กิจกรรมบำบัดสำหรับเด็กสมาธิสั้น
กิจกรรมในโรงเรียนพัฒนาสมองถูกออกแบบมาเพื่อกระตุ้นการเรียนรู้และส่งเสริมพัฒนาการของเด็ก ADHD โดยเฉพาะ เช่น:
- กิจกรรมที่เน้นการเคลื่อนไหว เช่น กีฬาหรือโยคะ เพื่อช่วยให้เด็กใช้พลังงานอย่างเหมาะสมและพัฒนาทักษะการควบคุมร่างกาย
- การใช้เทคโนโลยีเพื่อการเรียนรู้ เช่น เกมฝึกสมอง หรือแอปพลิเคชันที่ช่วยฝึกทักษะด้านความจำและการคิดวิเคราะห์
- ศิลปะและดนตรีบำบัด เพื่อช่วยให้เด็กแสดงออกทางอารมณ์และเพิ่มสมาธิ
- กิจกรรมเสริมสร้างทักษะทางสังคม เช่น การทำงานเป็นทีมและการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ

ความสำคัญของการฝึกสมองระหว่างรอคิวไปพบแพทย์
การรอคิวพบแพทย์อาจดูเหมือนเป็นช่วงเวลาที่เสียไปโดยเปล่าประโยชน์ แต่ในความเป็นจริงแล้ว นี่อาจเป็นโอกาสที่ดีในการฝึกสมองและเสริมสร้างทักษะที่สำคัญ โดยเฉพาะสำหรับเด็กที่มีภาวะสมาธิสั้น (ADHD) กิจกรรมระหว่างรอพบแพทย์สามารถช่วยให้เด็กมีสมาธิดีขึ้น ควบคุมอารมณ์ได้ดีขึ้น และลดความวิตกกังวลเกี่ยวกับการรักษาได้ การใช้เวลานี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดจะช่วยส่งเสริมพัฒนาการของเด็กได้อย่างมีประสิทธิภาพ
1. การพัฒนาทักษะเฉพาะด้าน: สร้างรากฐานที่แข็งแกร่ง
การรอพบแพทย์อาจเป็นช่วงเวลาที่ดีในการฝึกสมองและพัฒนาทักษะเฉพาะด้าน โดยเฉพาะสำหรับเด็กที่มีภาวะสมาธิสั้น (ADHD) กิจกรรมฝึกสมองสามารถช่วยเสริมสร้างความสามารถทางปัญญาและพฤติกรรม เช่น:
- เกมฝึกสมอง ช่วยเพิ่มสมาธิและความสามารถในการจดจ่อ
- กิจกรรมศิลปะ ช่วยให้เด็กแสดงออกและผ่อนคลาย
- การใช้เทคโนโลยีเพื่อการเรียนรู้ ช่วยเสริมสร้างความเข้าใจ
- กิจกรรมที่เน้นการเคลื่อนไหว ช่วยให้เด็กบริหารพลังงานอย่างเหมาะสม
ประโยชน์ที่ได้รับ:
- สมาธิดีขึ้น สามารถโฟกัสกับงานหรือบทเรียนได้นานขึ้น
- การควบคุมอารมณ์ดีขึ้น ลดความหงุดหงิดและจัดการกับความเครียดได้ดีขึ้น
- การบริหารเวลาและการวางแผนดีขึ้น รู้จักลำดับความสำคัญของงานและจัดการเวลาของตนเองได้
- ทักษะการเรียนรู้พัฒนาอย่างต่อเนื่อง สามารถจดจำและประมวลผลข้อมูลได้ดีขึ้น
2. เสริมสร้างความมั่นใจ
เด็กที่ได้รับการสนับสนุนในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมจะมีความมั่นใจในตนเองมากขึ้น โรงเรียนพัฒนาสมองหรือกิจกรรมที่ออกแบบมาเพื่อเด็กสมาธิสั้นจะช่วยให้พวกเขารู้สึกมั่นใจในความสามารถของตนเองผ่านการเรียนรู้ที่สนุกสนาน
แนวทางที่ช่วยเสริมสร้างความมั่นใจ:
- สภาพแวดล้อมที่สนับสนุน ครูและผู้ปกครองที่เข้าใจช่วยให้เด็กมีความมั่นใจมากขึ้น
- การส่งเสริมความสำเร็จ เมื่อเด็กได้รับประสบการณ์แห่งความสำเร็จ พวกเขาจะมีความภาคภูมิใจในตนเองมากขึ้น
- ความกล้าที่จะเผชิญความท้าทายใหม่ๆ เด็กจะมีแรงจูงใจในการเรียนรู้และพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง
3. ลดความวิตกกังวลเกี่ยวกับการรักษา
การรอคิวพบแพทย์อาจทำให้เด็กบางคนรู้สึกกังวลหรือไม่สบายใจ การเข้าร่วมกิจกรรมฝึกสมองสามารถช่วยลดความเครียดและทำให้พวกเขาปรับตัวกับกระบวนการรักษาได้ดีขึ้น
แนวทางที่ช่วยลดความวิตกกังวล:
- สร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ให้เด็กคุ้นเคยกับกิจกรรมที่ช่วยพัฒนาตนเองก่อนเข้าสู่กระบวนการรักษา
- สร้างความคุ้นเคยกับการเรียนรู้ ช่วยให้เด็กมีทัศนคติที่ดีต่อการพัฒนาและการรักษา
- การปรับตัวได้ดีขึ้น เมื่อเด็กคุ้นเคยกับกิจกรรมที่ช่วยให้พวกเขาผ่อนคลาย พวกเขาจะสามารถเผชิญกับกระบวนการรักษาได้อย่างมั่นใจ
การฝึกสมองระหว่างรอพบแพทย์เป็นโอกาสที่ดีในการพัฒนาเด็กสมาธิสั้นในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นสมาธิ การควบคุมอารมณ์ การบริหารเวลา หรือการเสริมสร้างความมั่นใจ นอกจากนี้ยังช่วยลดความวิตกกังวลเกี่ยวกับการรักษา ทำให้พวกเขาพร้อมที่จะเผชิญกับความท้าทายใหม่ ๆ ได้อย่างมั่นใจและมีประสิทธิภาพ
อ่านเพิ่มเติม รอคิว “ตรวจสมาธิสั้น” ทำอย่างไรไม่ให้ลูกเสียโอกาสพัฒนา? นาน!
การฝึกสมองโดยผู้เชี่ยวชาญที่ Brain and Life Center
Brain and Life Center เป็นโรงเรียนพัฒนาสมอง ที่เชี่ยวชาญด้านการฝึกสมอง มีการประเมินทักษะสมองก่อนและหลังเรียน รูปแบบการฝึกสมอง มาตรฐานระดับสากล โปรแกรมการฝึกสมองเฉพาะรายบุคคล ซึ่งแบ่งออกเป็นสองรูปแบบหลัก ได้แก่
1. One-on-One Learning (การฝึกสมองแบบตัวต่อตัว)
การเรียนรู้แบบหนึ่งต่อหนึ่งกับนักจิตวิทยา ผ่านกิจกรรมที่ออกแบบให้สนุกและมีประสิทธิภาพ การฝึกจะคล้ายกับการเล่นเกม แต่ช่วยพัฒนาทักษะสมอง เช่น ความจำ สมาธิ และการคิดเชิงตรรกะ
2. Digital Training (การฝึกผ่านโปรแกรมคอมพิวเตอร์)
การฝึกผ่านโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ช่วยเสริมทักษะทางการคิดด้านต่าง ๆ ใช้เทคโนโลยีที่แม่นยำในการวัดผล เพื่อให้สามารถติดตามพัฒนาการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ข้อดีของการ ฝึกสมอง ที่ Brain and Life Center
- รักษาสมาธิสั้น โดยไม่ใช้ยา ปลอดภัยและเป็นธรรมชาติ
- ออกแบบโปรแกรมฝึกสมองเฉพาะบุคคล
- ได้รับการสนับสนุนจากทีมผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์
- ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยในการวัดผลและติดตามพัฒนาการ

การประสานงานกับแพทย์
แม้ว่าการฝึกสมาธิและฝึกสมองจะมีประโยชน์ แต่ก็ควรทำควบคู่ไปกับการรักษาทางการแพทย์ เพื่อให้ได้รับคำแนะนำที่เหมาะสมกับภาวะของเด็กแต่ละคน ผู้ปกครองควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเพื่อปรับแผนการฝึกให้เหมาะสม
สรุป
การฝึกสมาธิเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ในการพัฒนาเด็กสมาธิสั้นทั้งในด้านสมาธิ การควบคุมอารมณ์ และการจัดการกับกิจกรรมต่างๆ โรงเรียนพัฒนาสมอง และศูนย์ฝึกสมาธิเป็นทางเลือกที่ดีในการเสริมสร้างพัฒนาการของเด็ก โดยไม่ต้องพึ่งพายา หากท่านสนใจข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการฝึกสมาธิสามารถติดต่อเราเพื่อขอคำแนะนำเพิ่มเติมได้