ลูกเป็น ld รักษาที่ไหน
โรค LD (Learning Disabilities) หรือโรคความบกพร่องด้านการเรียนรู้ เป็นภาวะที่ส่งผลกระทบต่อการเรียนรู้และพัฒนาการทางการศึกษา โดยผู้ที่มีภาวะนี้อาจมีปัญหาในการอ่าน เขียน คำนวณ หรือการเรียนรู้ทักษะต่างๆ ซึ่งอาจทำให้เกิดความยากลำบากในชีวิตประจำวันและการศึกษาต่อเนื่อง การรักษาโรค LD มีหลายวิธี ซึ่งขึ้นอยู่กับลักษณะและระดับความรุนแรงของอาการของแต่ละบุคคล และการตอบสนองต่อการบำบัดและการรักษา การได้รับการดูแลจากผู้เชี่ยวชาญเพื่อลดผลกระทบจากภาวะนี้ได้
เปรียบเทียบทางเลือก โรค ld รักษาที่ไหนดี การรักษาโรค LD มีหลายวิธี ซึ่งขึ้นอยู่กับลักษณะและระดับความรุนแรงของอาการ รวมถึงการตอบสนองต่อการบำบัดของผู้ป่วยแต่ละคน คำถามที่พบบ่อยคือ “โรค LD ควรรักษาที่โรงพยาบาลหรือศูนย์ฝึก?” “ลูกเป็น ld รักษาที่ไหน ” “เด็กอ่านไม่ออกรักษาที่ไหน ”
ทางเลือกในการรักษาโรค LD การรักษาโรค LD มีหลายวิธี ซึ่งขึ้นอยู่กับลักษณะและระดับความรุนแรงของอาการ รวมถึงการตอบสนองต่อการบำบัดของผู้ป่วยแต่ละคน คำถามที่พบบ่อยคือ “โรค LD ควรรักษาที่โรงพยาบาลหรือศูนย์ฝึก?” ซึ่งมีทางเลือกหลักๆ ดังนี้
โรงพยาบาล: โรงพยาบาลที่มีผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์สามารถช่วยวินิจฉัยและรักษาผู้ที่มีโรค LD โดยใช้วิธีการรักษาที่หลากหลาย อาจรวมถึงการใช้ยาหรือการรักษาทางการแพทย์เพื่อช่วยปรับสมดุลด้านต่างๆ การวินิจฉัยที่โรงพยาบาลจะช่วยให้เข้าใจถึงสาเหตุและให้การดูแลรักษาที่ตรงจุดที่สุดศูนย์ฝึกและบำบัดพฤติกรรม: สำหรับผู้ที่ต้องการการพัฒนาและปรับทักษะการเรียนรู้ ศูนย์ฝึกหรือศูนย์บำบัดพฤติกรรมจะมุ่งเน้นการฝึกสมาธิ การจัดการอารมณ์ และการฝึกทักษะการเรียนรู้เฉพาะด้าน เช่น การฝึกอ่าน การเขียน หรือทักษะด้านการคิดและแก้ปัญหาที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล ซึ่งไม่จำเป็นต้องใช้ยาและสามารถเห็นผลในระยะยาว
ที่ศูนย์ Brain and Life การรักษาโรค LD มุ่งเน้นการพัฒนาทักษะเฉพาะด้านของเด็กด้วยวิธีการที่ไม่ต้องพึ่งยา โดยทีมผู้เชี่ยวชาญจะออกแบบโปรแกรมเฉพาะบุคคล เพื่อช่วยปรับปรุงและเสริมสร้างศักยภาพของเด็กในด้านที่บกพร่อง เช่น
การบำบัดด้านสมอง (Cognitive Training) เพื่อพัฒนาความสามารถในการจดจำและประมวลผลข้อมูล การบำบัดพฤติกรรม (Behavioral Therapy) เพื่อปรับปรุงการทำงานร่วมกับผู้อื่นและการจัดการอารมณ์ การเสริมทักษะด้านการเรียน เช่น การอ่าน การเขียน และการคำนวณ ศูนย์ Brain and Life ยังให้ความสำคัญกับการทำงานร่วมกันระหว่างผู้ปกครอง ครู และผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้เด็กได้รับการดูแลที่ครอบคลุมและต่อเนื่อง ช่วยให้เด็กที่มีภาวะ LD สามารถพัฒนาทักษะต่าง ๆ และปรับตัวเข้าสู่การเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพในระยะยาว
หากคุณกำลังมองหาศูนย์รักษาโรค LD ที่เน้นวิธีการบำบัดแบบองค์รวม Brain and Life อาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับการดูแลลูกของคุณ
การเลือกรักษาโรค LD ขึ้นอยู่กับลักษณะของอาการและความเหมาะสมของแต่ละบุคคล การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญและประเมินอาการอย่างละเอียดจะช่วยให้ได้วิธีการรักษาที่เหมาะสมที่สุดและช่วยให้ผู้ป่วยสามารถพัฒนาทักษะและการเรียนรู้ได้ดีขึ้นในระยะยาว
ขั้นตอนการ รักษาเด็ก ld ที่ไหน โดยไม่ใช้ยา ที่ Brain and Life
แบบประเมินความบกพร่องทางการเรียนรู้ (LD) เบื้องต้น หากสงสัยว่าลูกของคุณมีปัญหาทางด้าน LD หรือไม่ ลองทำ แบบประเมินความบกพร่องทางการเรียนรู้ (LD) ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยคัดกรองและระบุปัญหาด้านการเรียนรู้ที่เด็กบางคนอาจเผชิญ ซึ่งปัญหาดังกล่าวส่งผลต่อการพัฒนาทางการศึกษาและการใช้ชีวิตประจำวันอย่างมีนัยสำคัญ แบบประเมินนี้ครอบคลุม 4 ด้านหลัก ได้แก่
ด้านการอ่าน – ประเมินความสามารถในการอ่านออกเสียง การทำความเข้าใจ และการประมวลผลคำศัพท์ด้านการเขียน – เน้นปัญหาด้านการสะกดคำ การเขียนเรียงลำดับ และการเขียนตัวอักษรหรือตัวเลขที่ถูกต้องด้านการคำนวณ – ตรวจสอบการแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ การนับเลข และการจัดการตัวเลขในชีวิตประจำวันด้านพฤติกรรมทั่วไป – วัดความสามารถในการจัดการงานประจำวัน ความจดจ่อ และการควบคุมพฤติกรรม
ด้านการอ่าน ด้านการเขียน ● อ่านช้า หรืออ่านข้ามคำ ● จำคำศัพท์ที่เคยเห็นแล้วไม่ได้ ● อ่านผิดที่หรืออ่านคำซ้ำ ● สับสนระหว่างตัวอักษรหรือคำที่คล้ายกัน เช่น “บก” กับ “กบ” ● สับสนระหว่างพยัญชนะที่คล้ายกัน เช่น ก ก ถ, ฦ ฏ ฏ, ด ต ฅ ค ● จำคำศัพท์ใหม่ได้ยาก ● มีปัญหากับการผสมคำและการออกเสียง ● สับสนระหว่างคำที่คล้ายกัน เช่น “บาน” กับ “บ้าน” ● อ่านคำที่ไม่คุ้นเคยไม่ได้ ● อ่านคำที่อยู่ในระดับชั้นการเรียนรู้ของตนเองไม่ได้ ● ไม่ชอบหรือหลีกเลี่ยงการเขียน ● เขียนไม่เรียบร้อย ตัวอักษรสกปรก ขีดทิ้ง ลบทิ้ง ● เขียนตัวอักษรที่คล้ายกันผิด เช่น เขียนตัวอักษรสลับกัน ● ลอกคำจากกระดานผิด เช่น ลอกไม่ครบ หรือตกหล่น ● เขียนไม่เว้นวรรคหรือเว้นช่องไฟไม่เหมาะสม ทำให้ยากต่อการอ่าน ● เขียนตัวอักษรหรือคำผิดตำแหน่ง เช่น การสลับพยัญชนะและสระ ● เขียนตัวอักษรหรือตัวเลขกลับด้าน ● เขียนตัวอักษรหรือเลขที่คล้ายกันสลับกัน เช่น b-d ● เรียงลำดับตัวอักษรผิด เช่น “สถิติ” เขียนเป็น “สติถิ”
ด้านการคำนวณ ด้านพฤติกรรมทั่วไป ● ไม่สามารถนับเลขหรือเรียงลำดับได้ ● มีความยากลำบากในการบวก ลบ ตัวเลข ● มีความยากในการนับเพิ่มทีละ 2, 5, 10, หรือจำนวนใหญ่ๆ ● มีความยากลำบากในการประมาณค่า ● มีปัญหากับการเปรียบเทียบจำนวน เช่น มากกว่า น้อยกว่า ● แก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ง่ายๆ ไม่ได้ ● สับสนเรื่องเวลาและทิศทาง ● ไม่เข้าใจสัญลักษณ์ทางคณิตศาสตร์ เช่น +, -, >, < ● เปรียบเทียบขนาด รูปทรง ระยะทาง หรือตำแหน่งไม่ได้ ● เขียนตัวเลขกลับ เช่น 5 เป็น s หรือ 6 เป็น 9 ● ไม่ทำตามคำสั่ง หรือทำงานไม่เสร็จ ● ยากลำบากในการจัดระบบงาน ● ทำของหายบ่อย เช่น ของเล่น ดินสอ หนังสือ อุปกรณ์การเรียน ● ลืมกิจกรรมที่ต้องทำในชีวิตประจำวัน ● สับสนระหว่างซ้ายและขวา ● วางสิ่งของไม่เป็นระเบียบ ● เสียสมาธิง่าย มักมองไปที่สิ่งที่เคลื่อนไหว ● มีความเครียดขณะอ่านหรือทำงาน ● ขาดสมาธิในการทำงาน มักจะมองสิ่งอื่นๆ ● หลีกเลี่ยงหรือลังเลที่จะทำงานที่ต้องใช้ความระมัดระวัง
เกณฑ์การพิจารณา ด้านการอ่าน: ถ้าตอบว่า “ใช่” 7 ข้อขึ้นไป แสดงว่ามีแนวโน้มที่จะมีความบกพร่องทางการเรียนรู้ด้านการอ่านด้านการเขียน: ถ้าตอบว่า “ใช่” 7 ข้อขึ้นไป แสดงว่ามีแนวโน้มที่จะมีความบกพร่องทางการเรียนรู้ด้านการเขียนด้านการคำนวณ: ถ้าตอบว่า “ใช่” 6 ข้อขึ้นไป แสดงว่ามีแนวโน้มที่จะมีความบกพร่องทางการเรียนรู้ด้านการคำนวณด้านพฤติกรรมทั่วไป: หากตอบว่า “ใช่” 5 ข้อขึ้นไปและพบว่ามีอาการเข้าเกณฑ์ใน 3 ด้านแรก (การอ่าน การเขียน การคำนวณ) ด้านใดด้านหนึ่ง หรือมากกว่าหนึ่งด้าน ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อวินิจฉัยเพิ่มเติมทันที เพราะอาจมีความเสี่ยงเกี่ยวข้องกับความบกพร่องทางการเรียนรู้แบบผสม แต่หากทั้ง 3 ด้านข้างต้นไม่ถึงเกณฑ์ที่กำหนด แต่พบความผิดปกติในด้านพฤติกรรมทั่วไปเพียงด้านเดียว อาจมีความเกี่ยวข้องกับโรคสมาธิสั้น (ADHD) ซึ่งต้องมีการประเมินอย่างละเอียดต่อไป คลิก! เพื่อทำ แบบประเมิน สมาธิสั้น ADHD เบื้องต้น
อ่านเพิ่มเติม โรคการเรียนรู้บกพร่อง หรือ โรค LD รักษา ที่ไหน?
ผลวิจัยทั่วโลกพบ เด็กประถม 5% เป็น LD
อาการรุนแรง 1-2%
ส่วนที่เหลือ 3% เป็นแบบอาการไม่รุนแรง สามารถช่วยตัวเองได้ยู่ในช่วง
เด็กไทยเป็น LD
ในไทยพบถึง 6-7 % ขอของชั้นประถม อยู่ในช่วงอายุ 7-12 ปี
จากสถิติที่สำรวจโดยกระทรวงศึกษาธิการ ประเทศไทยมี
“เด็ก LD” มากถึง 3 แสนกว่าคน
ใน 2 หมื่นกว่าโรงเรียน และคาดการณ์ว่าจะมีเด็ก LD เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ
TESTIMONIAL
Brain and Life แก้และรักษา “โรค LD (Learning Disabilities)”
💡 ฝึกสมองโดยผู้เชี่ยวชาญ
💡 รูปแบบการเทรนเฉพาะ
💡 มาตรฐานจากสหรัฐอเมริกา
Views: 5,426