สอนเด็กสมาธิสั้น

สอนเด็กสมาธิสั้น และ สิ่งที่ควรทำเพื่อพัฒนาสมองลูก ให้หายขาดจากสมาธิสั้น

พ่อแม่หลายคนอาจเริ่มหาวิธีพัฒนาสมองลูกก็ต่อเมื่อเห็นปัญหา เช่น ลูกมีสมาธิสั้น พัฒนาการช้า หรือเข้าสังคมไม่เก่ง แต่ความจริงแล้ว การส่งเสริมพัฒนาการสมองไม่จำเป็นต้องรอให้เกิดปัญหา เพราะการเริ่มต้นที่ดีตั้งแต่วันนี้ จะช่วยวางรากฐานให้ลูกเติบโตได้อย่างแข็งแรงทั้งด้านความคิด อารมณ์ และสังคม ไม่ว่าคุณกำลังมองหาแนวทาง สอนเด็กสมาธิสั้น หรืออยากป้องกันไม่ให้ลูกประสบปัญหาด้านสมาธิในอนาคต พฤติกรรมทั้ง 7 ข้อนี้คือจุดเริ่มต้นที่ดีที่สุดที่พ่อแม่ทุกคนสามารถทำได้ทันที

สิ่งที่ควรทำเพื่อพัฒนาสมองลูก

สิ่งที่ควรทำเพื่อพัฒนาสมองลูก ฉบับ Harvard

1. ให้ลูกได้เป็นในสิ่งที่อยากเป็น

สนับสนุนและดูแลให้ลูกได้เติบโตในแนวทางที่ตนเองสนใจ ช่วยให้ลูกมีความสุขและรู้สึกมีคุณค่าในตัวเอง

2. พูดคุยหรืออ่านให้ลูกได้ฟังเสียง

การได้ยินเสียงของพ่อแม่หรือผู้ดูแลอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะการอ่านหนังสือหรือเล่านิทาน ช่วยกระตุ้นการพัฒนาสมองและทักษะด้านภาษา

3. อธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยเหตุผล

การอธิบายเหตุผลเบื้องหลังเหตุการณ์ต่าง ๆ จะช่วยให้ลูกเรียนรู้การคิดวิเคราะห์ และสามารถคาดการณ์สิ่งที่จะเกิดขึ้นได้ดีขึ้น

4. สอนให้ไม่ตัดสินผ่านตัวบุคคล

ส่งเสริมให้ลูกเรียนรู้การตัดสินใจจากสถานการณ์หรือข้อเท็จจริง มากกว่าการตัดสินจากบุคคลใดบุคคลหนึ่ง

5. เป็นแบบอย่างที่ดีให้กับลูก

เด็กจะเรียนรู้ผ่านการเลียนแบบ ดังนั้นหากอยากให้ลูกมีพฤติกรรมหรือทัศนคติแบบไหน พ่อแม่ควรแสดงออกให้เห็นเป็นตัวอย่าง

6. พาลูกไปเจอผู้คนที่หลากหลาย

การได้พบเจอคนที่หลากหลายช่วยให้ลูกเข้าใจและยอมรับความแตกต่าง เรียนรู้การอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างมีความสุข

7. ฝึกเรียนรู้และรับผิดชอบตนเอง

การให้ลูกได้รู้จักผลลัพธ์ของการกระทำของตนเอง จะช่วยสร้างความรับผิดชอบและส่งเสริมการเติบโตทางอารมณ์

เราไม่จำเป็นต้องรอให้ลูกมีปัญหาด้านพัฒนาการก่อนถึงจะเริ่มต้นดูแลสมองของลูกได้ เพราะทุก ๆ วันคือโอกาสในการเสริมสร้างรากฐานชีวิตที่แข็งแรงให้กับลูก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากคุณกำลังหาวิธี สอนเด็กสมาธิสั้น พฤติกรรมพื้นฐานเหล่านี้คือเครื่องมือที่ใช้ได้จริง เห็นผลระยะยาว และเริ่มต้นได้ตั้งแต่วันนี้

วิธีสอนเด็กสมาธิสั้น

วิธีสอนเด็กสมาธิสั้น

เด็กสมาธิสั้น หรือที่เรียกว่า ADHD (Attention Deficit Hyperactivity Disorder) คือภาวะที่เด็กมีปัญหาในการจดจ่อ ขาดสมาธิ อยู่ไม่นิ่ง และมักมีพฤติกรรมหุนหันพลันแล่น ซึ่งส่งผลต่อการเรียนรู้และพฤติกรรมในชีวิตประจำวันของพวกเขา แต่รู้หรือไม่ว่า หากพ่อแม่เข้าใจวิธี สอนเด็กสมาธิสั้น อย่างถูกวิธี พร้อมใช้เทคนิคที่ได้รับการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ ก็สามารถช่วยพัฒนาและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของลูกให้ดีขึ้นได้อย่างมาก หรือแม้กระทั่งหายขาดจากอาการสมาธิสั้นในระยะยาว

1. สอนเด็กสมาธิสั้น ด้วยการสร้างกิจวัตรประจำวันที่เป็นระบบ

นักจิตวิทยาจาก Harvard แนะนำว่า เด็กที่มีสมาธิสั้นจะรู้สึกปลอดภัยและควบคุมตนเองได้ดีขึ้นเมื่อมีตารางกิจกรรมที่คาดการณ์ได้ การสร้างกิจวัตรประจำวัน เช่น เวลาตื่นนอน รับประทานอาหาร ทำการบ้าน และเข้านอนตรงเวลา จะช่วยให้สมองของเด็กคุ้นเคยกับการจัดการเวลาและลดพฤติกรรมที่วอกแวก

2. ใช้การเล่นเพื่อสอนสมาธิให้เด็กสมาธิสั้น

จากงานวิจัยของ Harvard การเล่นถือเป็นวิธีที่ดีที่สุดวิธีหนึ่งในการส่งเสริมสมาธิและการควบคุมตนเอง เกมสร้างสรรค์อย่างบล็อก จิ๊กซอว์ หรือเกมที่ต้องรอคิว เช่น เกมไพ่ UNO สามารถช่วยให้เด็กฝึกการจดจ่อและอดทน การเล่นแบบมีเป้าหมายยังส่งผลต่อการพัฒนาสมองส่วนหน้าที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมตนเอง

3. พูดคุยและอธิบายอย่างมีเหตุผล

นักจิตวิทยาจาก Harvard เน้นย้ำว่า เด็กต้องการความเข้าใจและความหมายจากพฤติกรรมของตน พ่อแม่ควรพูดคุยและอธิบายเหตุผลเบื้องหลังพฤติกรรมที่ควรหรือไม่ควรทำ เช่น “ลูกควรเก็บของเล่น เพราะจะไม่สะดุดล้ม” การใช้ภาษาที่อธิบายด้วยเหตุและผล จะช่วยพัฒนาการคิดวิเคราะห์และลดพฤติกรรมหุนหันพลันแล่น

4. สร้างสิ่งแวดล้อมที่ปลอดสิ่งรบกวน

สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมมีผลอย่างยิ่งต่อเด็กสมาธิสั้น นักจิตวิทยาแนะนำให้จัดพื้นที่ที่สงบ เรียบง่าย ไม่มีของเล่นหรือหน้าจออิเล็กทรอนิกส์อยู่รอบตัวขณะทำการบ้านหรืออ่านหนังสือ การควบคุมสิ่งเร้ารอบตัวช่วยให้เด็กโฟกัสได้ดีขึ้น และยังฝึกให้พวกเขาสังเกตและควบคุมสิ่งกระตุ้นภายนอกได้ในระยะยาว

5. ใช้คำชมและรางวัลเสริมแรงบวก

จากคำแนะนำของนักจิตวิทยา Harvard การใช้คำชมที่เฉพาะเจาะจง เช่น “แม่ดีใจมากที่ลูกตั้งใจนั่งทำการบ้านจนเสร็จ” ช่วยให้เด็กเชื่อมโยงพฤติกรรมดีเข้ากับผลลัพธ์เชิงบวก พ่อแม่ควรหลีกเลี่ยงคำตำหนิและแทนที่ด้วยกำลังใจ การเสริมแรงทางบวกนี้ช่วยกระตุ้นสมองให้จดจำและต้องการทำพฤติกรรมดีอย่างต่อเนื่อง

6. ฝึกให้ลูกมีสติกับกิจกรรมแบบมีสมาธิ (Mindfulness)

Harvard สนับสนุนแนวทางการฝึกสมาธิผ่านกิจกรรมที่เรียกว่า Mindfulness เช่น การหายใจเข้าออกลึกๆ ฟังเสียงธรรมชาติ หรือวาดภาพแบบไม่มีจุดหมาย การทำกิจกรรมเหล่านี้ทุกวันเพียง 10-15 นาที สามารถเปลี่ยนรูปแบบการทำงานของสมองส่วนที่ควบคุมสมาธิและอารมณ์ได้อย่างมีนัยสำคัญ

7. พาไปพบผู้เชี่ยวชาญและร่วมมือกับโรงเรียน

การเข้ารับการประเมินจากนักจิตวิทยาเด็กหรือผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม Harvard แนะนำให้ผู้ปกครองทำงานร่วมกับครูและบุคลากรในโรงเรียนอย่างใกล้ชิด เพื่อวางแผนการดูแลเด็กสมาธิสั้นอย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ การสร้างทีมสนับสนุนจะทำให้เด็กมีแนวโน้มประสบความสำเร็จทั้งในโรงเรียนและชีวิตประจำวันมากขึ้น

Brain and Life รักษา ADHD โดยไม่ใช้ยา

GibsonTest_CTAmotion-gif

Brain and Life Center คือศูนย์พัฒนาสมองโดยผู้เชี่ยวชาญ ที่เข้าใจปัญหาสมาธิสั้น (ADHD) อย่างแท้จริง เราช่วยคุณพ่อคุณแม่ วิเคราะห์พฤติกรรมอย่างแม่นยำ พร้อมออกแบบ โปรแกรมฝึกสมองเฉพาะบุคคล เพื่อเสริมสร้างสมาธิ การคิดอย่างเป็นระบบ และการควบคุมอารมณ์ เน้นการฝึกสมองผ่านกิจกรรมที่สนุก ท้าทาย และได้ผลลัพธ์ที่วัดได้จริง

This will close in 0 seconds