Brain BG
Slide
Attention Help
เด็ก LD ที่มี ADHD ร่วมด้วย
เด็ก LD ที่มี ADHD ร่วมด้วย

ลูกเรียนรู้ช้า อ่านหนังสือไม่ออก ซน ไม่อยู่นิ่ง สัญญาณ LD ร่วมกับ ADHD

หากลูกมีปัญหาในการ เรียนรู้ช้ากว่าเพื่อนในวัยเดียวกัน อ่านหนังสือไม่ออกแม้จะพยายามหลายครั้ง และมีพฤติกรรมซน ไม่สามารถอยู่นิ่งได้เป็นเวลานาน อาจเป็นสัญญาณเตือนที่บ่งบอกถึงโรค LD (Learning Disabilities) หรือความบกพร่องทางการเรียนรู้ และ ADHD (Attention Deficit Hyperactivity Disorder) หรือสมาธิสั้น ทั้งสองโรคนี้สามารถเกิดร่วมกันได้ ซึ่งส่งผลให้เด็กมีปัญหาทั้งด้านการเรียนรู้และการควบคุมพฤติกรรม หากคุณสังเกตเห็นอาการเหล่านี้ ควรปรึกษาแพทย์หรือนักจิตวิทยาเพื่อรับคำแนะนำและการวินิจฉัยที่เหมาะสม

ความแตกต่างของเด็กสมาธิสั้น กับ เด็กแอลดี

เด็กที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ (LD) และมีอาการสมาธิสั้นร่วมด้วย ต้องเผชิญกับความท้าทายหลายด้านในการใช้ชีวิตประจำวัน ทั้งในเรื่องการเรียน การเข้าสังคม และการจัดการอารมณ์ เนื่องจากการบกพร่องในทักษะทางสมองที่สำคัญ เช่น ความจำ การจดจ่อ และการประมวลผลข้อมูล ทำให้เด็กเหล่านี้มักมีปัญหาในการทำงานที่ต้องใช้ความคิดอย่างต่อเนื่องและการทำงานตามลำดับขั้นตอน ยิ่งไปกว่านั้น อาการสมาธิสั้นยังทำให้เด็กมีความยากลำบากในการควบคุมพฤติกรรม การอยู่ในกฎเกณฑ์ และการโต้ตอบกับผู้อื่น ทำให้การเรียนรู้และการเข้าสังคมกลายเป็นเรื่องที่ซับซ้อนและท้าทายมากขึ้น หากไม่ได้รับการสนับสนุนและการดูแลที่เหมาะสม เด็กเหล่านี้อาจรู้สึกท้อแท้ ขาดความมั่นใจ และมีปัญหาในการสร้างความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมชั้นทั้งสองมีความแตกต่างกันดังนี้

อาการเด็ก LD

โรคความบกพร่องทางการเรียนรู้

(LD – Learning Disabilities)

เด็กแอลดี เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นในกระบวนการเรียนรู้ที่จำเพาะเจาะจง เช่น การอ่าน (Dyslexia), การเขียน (Dysgraphia), การคำนวณ (Dyscalculia) ซึ่งส่วนใหญ่จะมีปัญหาในการเรียนรู้ทักษะพื้นฐานบางอย่าง ถึงแม้ว่าจะมีการเรียนรู้หรือการรับสอนในลักษณะเดียวกับเพื่อนรุ่นเดียวกัน โดยสาเหตุของ LD อาจเกี่ยวข้องกับความผิดปกติของการประมวลผลข้อมูลในสมองและพันธุกรรม

คลิก! อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

โรคสมาธิสั้น

(ADHD – Attention Deficit Hyperactivity Disorder)

เด็กสมาธิสั้น เป็นปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมสมาธิ มีลักษณะสำคัญ 3 อย่าง คือ ขาดสมาธิ (inattention), ซุกซนมากเกินไป (hyperactivity), และควบคุมตนเองไม่ได้ (impulsivity) เด็กที่เป็นสมาธิสั้นมักจะมีปัญหาในการนั่งนิ่งนาน ๆ ทำกิจกรรมตามลำดับ หรือมีสมาธิจดจ่อกับงานบางอย่าง สาเหตุเกี่ยวข้องกับการทำงานของสมอง โดยเฉพาะบริเวณที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมการกระทำและการจดจ่อ

คลิก! อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

อาการเด็กสมาธิสั้น

โดย เด็ก LD ร้อยละ 15-20 มีสมาธิสั้น ADHD ร่วมด้วย ในหนังสือTaking Charge of ADHD: The Complete Authoritative Guide for Parents ดร.รัสเซลล์ บาร์คลีย์ นักจิตวิทยาประสาทและผู้เชี่ยวชาญด้านสมาธิสั้น กล่าวว่าเด็กที่เป็นโรคสมาธิสั้นมีแนวโน้มที่จะมีความบกพร่องในการเรียนรู้มากกว่าเด็กที่ไม่ได้เป็นสมาธิสั้น

อาการของ เด็กแอลดี กับ เด็กสมาธิสั้น ต่างกันอย่างไร

เด็กสมาธิสั้น กับ เด็กแอลดี ต่างกันอย่างไร

แม้ว่า LD และสมาธิสั้นจะเป็นภาวะที่แตกต่างกัน แต่การที่ทั้งสองภาวะเกิดร่วมกันนั้นพบได้เป็นจำนวนมาก เด็กที่มี LD จะมีปัญหาในการเรียนรู้เฉพาะด้าน เช่น การอ่าน การเขียน หรือการคำนวณ ซึ่งเมื่อต้องเผชิญกับความยากลำบากเหล่านี้ อาจทำให้เกิดพฤติกรรมขาดสมาธิ หรือทำให้ดูเหมือนมีสมาธิสั้นขึ้นมาได้

ทำความเข้าใจ เด็กแอลดี ร่วมกับ สมาธิสั้น

เด็กที่มีภาวะทั้งสมาธิสั้นและ LD จะมีปัญหาในหลายด้านพร้อมกัน เช่น มีปัญหาในการจดจ่อและมีปัญหาการเรียนรู้เฉพาะทางในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ทำให้การเรียนรู้ในห้องเรียนเป็นเรื่องยาก ความซับซ้อนของทั้งสองภาวะนี้ทำให้เด็กมักจะไม่สามารถทำกิจกรรมหรือการบ้านตามที่ได้รับมอบหมายได้สำเร็จ เพราะขาดความสามารถในการจดจ่อและมีความยากลำบากในการเข้าใจหรือจดจำข้อมูล

อาการเด็กแอลดี ร่วมกับ สมาธิสั้น

อาการเด็กแอลดี ร่วมกับ สมาสั้น
  • ความยากในการเรียนรู้และจดจำ เด็กที่มีทั้งสมาธิสั้นและ LD จะมีปัญหาในการเรียนรู้เนื้อหาใหม่ ๆ รู้สึกสับสนและไม่สามารถจดจำข้อมูลที่เรียนได้ง่าย
  • ขาดการจัดการเวลา เด็กจะลำบากในการจัดการเวลาและงานที่ต้องทำ มักทำงานไม่เสร็จ หรือทำช้ากว่าที่ควร
  • หลงลืมบ่อย เด็กที่มีสมาธิสั้นร่วมกับ LD มักจะหลงลืมสิ่งต่าง ๆ ง่าย ๆ เช่น ลืมหนังสือเรียน ลืมทำการบ้าน หรือไม่รู้ว่ามีการบ้านต้องส่ง

เด็กเหล่านี้อาจมีการพัฒนาในด้านการเรียนรู้ช้ากว่าเพื่อน ๆ ในชั้นเรียน ทำให้เกิดความรู้สึกท้อแท้ ไม่มั่นใจในตนเอง หรือรู้สึกว่าตนเองด้อยกว่าผู้อื่น และนอกจากนี้ การที่มีพฤติกรรมสมาธิสั้นทำให้เด็กไม่สามารถโฟกัสกับบทเรียนได้อย่างต่อเนื่อง พฤติกรรมที่ไม่สามารถนั่งนิ่งนาน ๆ ได้ก็อาจส่งผลต่อความสัมพันธ์กับเพื่อนและครูในห้องเรียน

LD เทียม คืออะไร

หลายคนเข้าใจว่า เด็ก LD ที่มี ADHD (สมาธิสั้น) ร่วมด้วย เรียกว่า LD เทียม แต่จริง ๆ แล้วไม่ถือว่าเป็น LD เทียม เพราะเด็กที่มีทั้ง LD และ ADHD จะมีความบกพร่องในทักษะการเรียนรู้และการควบคุมสมาธิจริง ๆ ทั้งสองโรคมีลักษณะเฉพาะตัวและส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตในด้านต่าง ๆ แตกต่างกันไป

ส่วนLD เทียม คือ ภาวะที่เด็กแสดงอาการคล้ายกับโรค LD (Learning Disabilities) แต่ไม่ได้เกิดจากความบกพร่องทางสมองหรือทักษะการเรียนรู้ที่แท้จริง อาการเหล่านี้มักเกิดจากปัจจัยภายนอก เช่น การขาดโอกาสในการเรียนรู้ที่เพียงพอ ปัญหาทางครอบครัว ความเครียด หรือสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสมสำหรับการเรียนรู้ ส่งผลให้เด็กมีความยากลำบากในการเรียน แต่เมื่อแก้ไขปัจจัยเหล่านั้น เด็กจะสามารถพัฒนาและเรียนรู้ได้ดีขึ้น

วิเคราะห์ปัญหาความผิดปกติทางสมอง ด้วย Gibson Test

แบบทดสอบสมอง

Gibson Test คือการทดสอบที่ช่วยวัดทักษะทางสมองที่สำคัญ ทั้ง 7 ด้าน 

  1. Processing Speed ทักษะด้านความเร็วในการประมวลผล 
  2. Working Memory ทักษะด้านความจำขณะทำงาน 
  3. Long-Term Memory ทักษะด้านความจำระยะยาว 
  4. Visual Processing ทักษะด้านการรับรู้ทางภาพ 
  5. Logic and Reasoning ทักษะด้านตรรกะและเหตุผล 
  6. Auditory Processing ทักษะด้านการรับรู้ทางเสียง 
  7.  Word Attack ทักษะด้านการแแยกแยะคำ ผสมเสียง 

เด็ก LD ที่มีสมาธิสั้นร่วมด้วยมักจะมีผลทดสอบที่แสดงถึงปัญหาทุกทักษะ โดยเฉพาะ Working Memory, Processing Speed, และ Auditory Processing ซึ่งจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อการเรียนรู้

ทักษะสมองไม่ดีส่งผลต่อเด็กอย่างไร

Gibson Test เป็นการทดสอบที่บอกถึงทักษะทางสมองแบบเฉพาะบุคคล โดยสำหรับเด็ก LD ที่มีสมาธิสั้นร่วมด้วย มักจะมีปัญหาในทุกทักษะของสมอง และจะแสดงออกมาในลักษณะต่าง ๆ ดังนี้:

  1. Processing Speed (ทักษะด้านความเร็วในการประมวลผล) เด็กจะประมวลผลข้อมูลได้ช้ากว่าเพื่อน อาจใช้เวลานานในการทำกิจกรรมง่าย ๆ หรือไม่สามารถตอบสนองต่อคำถามหรือทำงานช้า ทำการบ้านไม่เสร็จ เป็นต้น
  2. Working Memory (ทักษะด้านความจำขณะทำงาน) เด็กจะลืมข้อมูลที่เพิ่งได้รับ เช่น คำแนะนำที่เพิ่งบอก หรือไม่สามารถจดจำขั้นตอนในการทำงานได้ ทำให้ทำงานผิดพลาดบ่อย
  3. Long-Term Memory (ทักษะด้านความจำระยะยาว) เด็กจะมีปัญหาในการจดจำสิ่งที่เรียนรู้ในระยะยาว เช่น ลืมเนื้อหาที่เคยเรียนมานานแล้ว หรือจำไม่ได้ว่าทำกิจกรรมอะไรในวันก่อน
  4. Visual Processing (ทักษะด้านการรับรู้ทางภาพ) เด็กอาจมีปัญหาในการแยกแยะตัวอักษรหรือรูปทรงที่คล้ายกัน เช่น สลับตัวอักษรขณะอ่านหรือเขียน หรือลำบากในการตีความภาพกราฟิก
  5. Logic and Reasoning (ทักษะด้านตรรกะและเหตุผล) เด็กจะมีปัญหาในการแก้ปัญหาที่ต้องใช้การคิดเชิงตรรกะ เช่น การวิเคราะห์โจทย์เลขหรือการวางแผนในการทำงาน
  6. Auditory Processing (ทักษะด้านการรับรู้ทางเสียง) เด็กอาจฟังแล้วไม่เข้าใจสิ่งที่ได้ยินทันที หรือลำบากในการแยกแยะเสียงที่คล้ายกัน ทำให้การเรียนรู้ผ่านการฟังเป็นเรื่องยาก
  7. Word Attack (ทักษะด้านการแยกแยะคำ ผสมเสียง) เด็กจะลำบากในการผสมเสียงคำหรือแยกแยะคำ ทำให้การอ่านหรือสะกดคำเป็นเรื่องยากลำบากและมักมีข้อผิดพลาดบ่อย

“ผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงหลังได้รับการฝึกสมอง”

pre
Pre
post
Post

หลังจากการฝึกสมองด้วย BrainRX จะเห็นการเปลี่ยนแปลงในทักษะการอ่านและเขียนที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน

  • เพิ่มความสามารถในการจดจ่อ: ผู้ฝึกสามารถมีสมาธิและจดจ่อกับงานหรือบทเรียนได้นานขึ้น ทำให้งานเสร็จเร็วขึ้นและมีคุณภาพดีขึ้น
  • การประมวลผลข้อมูลรวดเร็วขึ้น: การตอบสนองต่อสถานการณ์หรือข้อมูลใหม่ ๆ มีความรวดเร็วและแม่นยำมากขึ้น
  • การจำที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น: ไม่ว่าจะเป็นความจำระยะสั้นหรือระยะยาว ผู้ฝึกจะสามารถจำข้อมูลและนำมาใช้ได้อย่างแม่นยำ
  • การอ่านและการเขียนดีขึ้น: เด็กที่มีปัญหาด้านการอ่านหรือเขียนจะเห็นพัฒนาการในการแยกแยะคำและสะกดคำได้ดีขึ้น
  • ทักษะการฟังและแยกแยะเสียงดีขึ้น: ผู้ฝึกสามารถเข้าใจและแยกแยะเสียงที่ฟังได้ดีขึ้น เช่น การฟังคำสั่งหรือการสนทนา
  • การแก้ปัญหาอย่างมีตรรกะ: ผู้ฝึกสามารถคิดวิเคราะห์และใช้เหตุผลในการแก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
  • ความมั่นใจในตนเองเพิ่มขึ้น: การที่สามารถทำงานหรือแก้ปัญหาได้ดีขึ้น ทำให้ผู้ฝึกมีความมั่นใจในความสามารถของตนเองมากขึ้น

ฝึกสมองโดยผู้เชี่ยวชาญและรูปแบบการเทรนเฉพาะของ Brain and Life

Learning

One-on-One Learning

การเรียนรู้แบบหนึ่งต่อหนึ่ง การฝึกสมองแบบตัวต่อตัวกับนักจิตวิทยา ผ่านกิจกรรมต่าง ๆ จะคล้ายกับการเล่นเกม

Learning

Digital Training

ฝึกในระบบออนไลน์ด้วยตนเอง การฝึกด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ผู้เรียนจะได้ฝึกทักษะทางการคิดด้านต่าง ๆ เพิ่มเติม เพื่อเพิ่มสมรรถนะการเรียนรู้ของสมอง

ข้อดีของการฝึกสมองที่ Brain and Life

  • เทคนิคการฝึกสมองระดับสากล การฝึกและผลลัพธ์มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์รองรับจากอเมริกา ซึ่งทำให้มั่นใจได้ถึงประสิทธิภาพในการพัฒนาทักษะสมอง
  • ฝึกด้วยกิจกรรม ไม่ใช้ยา ปลอดภัยสำหรับเด็กทุกวัย โดยไม่มีการใช้ยา เน้นการพัฒนาผ่านกิจกรรมที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ
  • โปรแกรมออกแบบเฉพาะบุคคล ตามทักษะสมองที่แต่ละคนต้องการพัฒนา ได้รับการติดตามผลและคำแนะนำอย่างใกล้ชิดจากผู้เชี่ยวชาญ
  • ทดสอบทักษะสมองด้วย Gibson Test ทดสอบทักษะสมอง Cognitive Skill ทั้ง 7 ด้านทั้งก่อนและหลังการฝึก เพื่อประเมินและติดตามความก้าวหน้าอย่างชัดเจน
  • พัฒนาทักษะการเรียนรู้ ช่วยให้การเรียนรู้เร็วขึ้น มีความจำที่ดีขึ้น และเข้าใจเนื้อหาในเชิงลึกมากขึ้น ทำให้สามารถเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ปรับปรุงคุณภาพชีวิต สมองที่แข็งแรงจะส่งผลดีต่อการเรียน การทำงาน และการใช้ชีวิตส่วนตัว ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในทุกด้านของชีวิต
ข้อดี (Benefits)

โปรแกรม BrainRX ใช้เทคนิคการฝึกสมองที่มุ่งเน้นการพัฒนาทักษะการเรียนรู้และการทำงานของสมอง พัฒนาทักษะพื้นฐานที่จำเป็นต่อการอ่าน การเขียน และการคำนวณ เช่น การรับรู้เสียง การจำแนกตัวอักษร และการประมวลผลข้อมูล ซึ่งเป็นทักษะที่มักมีปัญหาในผู้ที่มี LD

ขั้นตอนการเข้ารับบริการที่ Brain and Life

ลงทะเบียนและทำการทดสอบเบื้องต้น

ผู้สนใจสามารถลงทะเบียนเพื่อรับการประเมินทักษะสมองด้วย Gibson Test โดยการทดสอบนี้จะช่วยให้คุณทราบถึงจุดที่ต้องการพัฒนาและจัดทำโปรแกรมที่เหมาะสมเฉพาะบุคคล

ออกแบบโปรแกรมฝึกสมองเฉพาะบุคคล

หลังจากได้รับผลการทดสอบ ทีมผู้เชี่ยวชาญจะทำการออกแบบโปรแกรมฝึกสมองที่เหมาะสมกับทักษะที่ต้องการพัฒนา พร้อมทั้งวางแผนการฝึกและติดตามผลอย่างต่อเนื่อง

เริ่มโปรแกรมฝึกสมอง

เริ่มการฝึกสมองตามโปรแกรมที่ออกแบบไว้ ทั้งรูปแบบ One-on-One Learning และ Digital Training โดยผู้เรียนจะได้รับการดูแลและคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญตลอดโปรแกรม เพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างเต็มที่

Testimonials

Testimonials

คำถามที่พบบ่อย

This will close in 0 seconds