ความผิดปกติทางการพูดและภาษา สาเหตุที่ทำให้ลูกพูดช้า พูดติดอ้าง
ความผิดปกติทางการพูดและภาษา หรือ Speech Disorder เป็นภาวะที่ทำให้เด็กมีปัญหาในการพูดสื่อสารได้ตามปกติ ซึ่งรวมถึงการ พูดช้า พูดไม่ชัด หรือ พูดติดอ่าง (Stuttering) โดยปัญหานี้อาจเกิดจากหลายสาเหตุทั้งด้านร่างกายและจิตใจ การเข้าใจถึงสาเหตุและการหาวิธีช่วยเหลือที่เหมาะสมจะช่วยให้เด็กสามารถพัฒนาทักษะการพูดได้อย่างเต็มศักยภาพ
สาเหตุที่ทำให้ลูกพูดช้า และพูดติดอ้าง
- ปัญหาด้านการได้ยิน: การสูญเสียการได้ยินบางส่วนหรือทั้งหมดอาจทำให้เด็กไม่สามารถเรียนรู้และจำเสียงต่าง ๆ ได้ดี ส่งผลให้พัฒนาการด้านการพูดล่าช้า
- พัฒนาการช้าทางร่างกาย: เด็กบางคนอาจมีพัฒนาการทางด้านร่างกายหรือกล้ามเนื้อที่เกี่ยวข้องกับการพูดช้ากว่าเด็กทั่วไป เช่น กล้ามเนื้อลิ้นหรือปากที่ยังไม่แข็งแรงเพียงพอในการออกเสียง
- ความผิดปกติทางสมอง: ภาวะทางสมองบางอย่าง เช่น Autism Spectrum Disorder (ASD) หรือความผิดปกติทางการสื่อสารอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้การพัฒนาทักษะการพูดล่าช้า
- ความล่าช้าทางพัฒนาการ (Developmental Delay): เด็กบางคนอาจมีพัฒนาการช้าในหลาย ๆ ด้านรวมถึงการพูด ซึ่งไม่ได้เกิดจากปัจจัยภายนอก แต่เป็นส่วนหนึ่งของพัฒนาการธรรมชาติของพวกเขา
อาการที่บ่งบอกว่าพัฒนาการด้านพูดและภาษาไม่สมวัย
สำหรับเด็กที่อายุ 6 ปีขึ้นไป หากพัฒนาการด้านพูดและภาษาไม่เป็นไปตามเกณฑ์ปกติ จะถือว่าเป็น พัฒนาการด้านพูดและภาษาไม่สมวัย อาการหรือสัญญาณที่บ่งบอกว่าเด็กอาจมีปัญหาในด้านนี้ มีดังนี้
1. พูดไม่ชัดเจน
หากเด็กยังมีปัญหาในการออกเสียงพยัญชนะบางตัว เช่น พูดเสียง “ร” หรือ “ล” ไม่ชัดเจน หรือพูดคำที่มีหลายพยางค์ผิด อาจเป็นสัญญาณว่าพัฒนาการการพูดไม่สมวัย
2. ไม่สามารถสร้างประโยคที่ซับซ้อนได้
หากเด็กยังพูดประโยคที่ไม่สมบูรณ์ หรือใช้ไวยากรณ์ผิด เช่น การเรียงคำไม่ถูกต้อง ใช้คำกริยาหรือคำนามไม่ตรงกับความหมาย หรือไม่สามารถเชื่อมประโยคได้ดี อาจเป็นสัญญาณของปัญหาด้านภาษา
3. ไม่สามารถเล่าเรื่องหรืออธิบายเหตุการณ์ได้
หากเด็กไม่สามารถเล่าเรื่องได้ หรือพูดเพียงคำสั้น ๆ โดยไม่มีเนื้อหาที่ชัดเจน อาจเป็นสัญญาณของพัฒนาการทางภาษาที่ล่าช้า
4.ใช้คำศัพท์ไม่หลากหลาย
เด็กอายุ 6 ปีขึ้นไปควรมีคลังคำศัพท์ที่กว้างขวาง และสามารถใช้คำศัพท์ที่หลากหลายในการพูด หากเด็กยังคงใช้คำศัพท์ที่จำกัด หรือไม่สามารถเรียนรู้คำใหม่ ๆ ได้อย่างรวดเร็ว อาจเป็นสัญญาณของการพัฒนาภาษาที่ไม่สมวัย
6. ขาดความมั่นใจในการสื่อสาร
เด็กที่มีปัญหาด้านการพูดและภาษาอาจขาดความมั่นใจในการพูดหรือสื่อสารกับผู้อื่น อาจหลีกเลี่ยงการพูดหน้าชั้นเรียน ไม่อยากมีส่วนร่วมในการสนทนา พูดติดอ้าง หรือมีการพูดคำบางคำซ้ำๆ
ความผิดปกติทางสมอง มีผลกระทบต่อการพูดอย่างไร
สาเหตุที่ทำให้เด็กพูดช้า มีหลายสาเหตุอย่างที่เราได้บอกข้างต้น ซึ่งหากลูกของคุณ มีอายุมากกว่า 6 ปี แต่พัฒนาการยังไม่สมวัย อาจสันนิษฐานว่ามี ความผิดปกติทางสมอง ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อการพัฒนาทักษะการสื่อสารของเด็ก ทำให้เกิดปัญหาในการพูด เช่น การพูดช้า หรือการพูดติดอ่าง เนื่องจากสมองเป็นศูนย์กลางในการควบคุมการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อที่ใช้ในการพูด รวมถึงการประมวลผลข้อมูลด้านภาษาและการสื่อสาร ซึ่งความผิดปกติทางสมองเป็นไปได้หลายส่วนดังนี้
- ปัญหาด้านการประมวลผลทางภาษา (Language Processing)
เด็กที่มีความผิดปกติทางสมอง เช่น ภาวะออทิสติก (Autism Spectrum Disorder – ASD) หรือ การบกพร่องทางการเรียนรู้ (Learning Disabilities) อาจมีความสามารถในการประมวลผลข้อมูลด้านภาษาได้ช้ากว่าเด็กทั่วไป ทำให้มีปัญหาในการสร้างประโยคหรือการพูดที่ไม่สามารถสื่อความหมายได้อย่างชัดเจน เช่น พูดตะกุกตะกัก ไม่สามารถจัดเรียงคำหรือประโยคได้ตามที่ต้องการ
- ความบกพร่องในการประมวลผลเสียงและคำพูด (Auditory Processing Disorders)
หากสมองไม่สามารถประมวลผลเสียงและคำพูดได้อย่างรวดเร็ว การตอบสนองต่อการสื่อสารของเด็กก็จะช้าลง ทำให้เกิดปัญหาการพูดติดอ่าง เนื่องจากสมองไม่สามารถสั่งการให้พูดได้อย่างราบรื่น เด็กอาจรู้สึกว่าตนเองต้องใช้ความพยายามมากเกินไปในการออกเสียงหรือการเรียบเรียงคำ ทำให้เกิดการพูดซ้ำ พูดติดอ่าง หรือติดขัด
- การทำงานของสมองที่ไม่สมดุล (Neural Imbalance)
เด็กที่พูดติดอ่างอาจมีความผิดปกติในการทำงานของสมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมการเคลื่อนไหว การควบคุมเสียง และการประมวลผลด้านการสื่อสาร สมองไม่สามารถสั่งงานให้กล้ามเนื้อที่ใช้ในการพูดทำงานร่วมกันอย่างสมดุล ทำให้เกิดการพูดซ้ำ การพูดติดขัด หรือการพูดติดอ่างอย่างต่อเนื่อง
การเข้าใจถึงผลกระทบของความผิดปกติทางสมองต่อการพูดนี้จะช่วยให้เราสามารถหาแนวทางช่วยเหลือเด็กที่มีปัญหาได้อย่างถูกต้อง และส่งเสริมพัฒนาการทางการสื่อสารให้พวกเขาได้อย่างเต็มที่
วิเคราะห์ปัญหาความผิดปกติทางสมอง ด้วย Gibson Test
Gibson Test คือการทดสอบที่ช่วยวัดทักษะทางสมองที่สำคัญ ทั้ง 7 ด้าน
- Processing Speed ทักษะด้านความเร็วในการประมวลผล
- Working Memory ทักษะด้านความจำขณะทำงาน
- Long-Term Memory ทักษะด้านความจำระยะยาว
- Visual Processing ทักษะด้านการรับรู้ทางภาพ
- Logic and Reasoning ทักษะด้านตรรกะและเหตุผล
- Auditory Processing ทักษะด้านการรับรู้ทางเสียง
- Word Attack ทักษะด้านการแแยกแยะคำ ผสมเสียง
ซึ่งทักษะ ความจำ สมาธิ การประมวลผลข้อมูล และการแก้ปัญหา เป็นทักษะสำคัญในการอ่านและเขียน ผลการทดสอบนี้จะช่วยให้เราสามารถระบุจุดอ่อนที่ทำให้เกิดปัญหาในการเรียนรู้ และออกแบบโปรแกรมฝึกสมองที่ตอบโจทย์เฉพาะของเด็กแต่ละคน
ทักษะสมองใดบ้าง ที่ส่งผลต่อการพูด
Processing Speed
(ทักษะด้านความเร็วในการประมวลผล)
สมองต้องจัดการข้อมูลและตอบสนองต่อสิ่งที่ได้ยินหรือคิดได้อย่างรวดเร็ว หากทักษะนี้ทำงานได้ช้า เด็กอาจประสบปัญหาในการพูดติดขัด พูดติดอ่าง หรือต้องใช้เวลานานกว่าจะตอบกลับ
Working Memory
(ทักษะด้านความจำขณะทำงาน)
ทักษะด้านนี้เกี่ยวข้องกับการจดจำข้อมูลชั่วคราวในระหว่างการพูดและการฟัง หากความจำขณะทำงานไม่ดี เด็กอาจลืมสิ่งที่ต้องการจะพูดหรือไม่สามารถจัดเรียงคำในประโยคได้อย่างถูกต้อง
Auditory Processing
(ทักษะด้านการรับรู้ทางเสียง)
ทักษะนี้เกี่ยวข้องกับการประมวลผลเสียงที่ได้ยินและการแยกแยะเสียงต่าง ๆ หากมีปัญหาในทักษะนี้ เด็กอาจไม่สามารถแยกแยะเสียงต่าง ๆ ได้ดี ทำให้การออกเสียงและการพูดไม่ชัดเจน หรือเกิดปัญหาการพูดติดอ่าง
Word Attack
(ทักษะด้านการแยกแยะคำและผสมเสียง)
การพูดที่ชัดเจนและถูกต้องต้องอาศัยทักษะนี้ในการแยกแยะคำและผสมเสียงที่ได้ยินหรือจะพูด หากทักษะนี้อ่อนแอ เด็กอาจประสบปัญหาในการออกเสียงหรือการผสมคำ ทำให้การพูดขัดข้องหรือพูดไม่ชัด
ซึ่งหากทักษะใดทักษะหนึ่งสูงหรือต่ำกว่าทักษะอื่น ๆ จนเกิดความไม่สมดุลกัน สมองจะทำงานได้ไม่เต็มที่ ซึ่งอาจแสดงออกมาในรูปแบบของปัญหาการพูด เช่น การพูดติดอ่าง การพูดช้า การออกเสียงไม่ชัดเจน รวมไปถึงปัญหาการฟัง ที่ทำให้เด็กไม่สามารถจดจำสิ่งที่ได้ยินได้อย่างมีประสิทธิภาพ การประมวลผลข้อมูลเสียงที่ช้าหรือไม่ชัดเจนอาจส่งผลให้การสื่อสารไม่เป็นไปตามที่ต้องการ
ปรับทักษะทางสมองให้สมดุลด้วยการฝึกสมองกับโปรแกรม BrainRX
โปรแกรม BrainRX เป็นการฝึกสมองที่ออกแบบมาเพื่อพัฒนาทักษะทางสมองให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและสมดุล โปรแกรมนี้มุ่งเน้นไปที่การฝึกทักษะทางการคิดทั้ง 7 ด้าน ไซึ่งหากทักษะทางสมองทำงานได้อย่างสมดุล เด็กจะสามารถพัฒนาการพูด การฟัง และการสื่อสารได้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการพูดชัดเจน รวดเร็ว และสามารถจดจำสิ่งที่ได้ยินได้อย่างแม่นยำ
ผลลัพธ์หลักจากการฝึกกับ BrainRX
- การพูดชัดเจนและรวดเร็วขึ้น – เด็กจะสามารถพูดได้คล่องขึ้น ออกเสียงได้ชัดเจน และไม่ติดขัด
- การฟังและจดจำได้ดีขึ้น – ทักษะการประมวลผลเสียงพัฒนา ทำให้เด็กสามารถฟังและจำสิ่งที่ได้ยินได้อย่างแม่นยำ
- เพิ่มความเร็วในการประมวลผลข้อมูล – เด็กจะคิดและตอบสนองต่อสถานการณ์ต่าง ๆ ได้เร็วขึ้น ช่วยให้การสื่อสารมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- ความสามารถในการแก้ไขปัญหา – การฝึกตรรกะและเหตุผลช่วยให้เด็กวิเคราะห์และแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ได้ดีขึ้น
- พัฒนาความจำระยะสั้นและระยะยาว – ช่วยให้เด็กจำข้อมูลที่สำคัญได้ดีขึ้น ทั้งในช่วงเวลาสั้น ๆ และระยะยาว
ผลลัพธ์เหล่านี้ทำให้เด็กมีพัฒนาการด้านการเรียนรู้และการสื่อสารที่ดีขึ้น ช่วยเสริมสร้างความมั่นใจในชีวิตประจำวัน
ฝึกสมองโดยผู้เชี่ยวชาญและรูปแบบการเทรนเฉพาะของ Brain and Life
ข้อดีของการฝึกสมองที่ Brain and Life
ข้อดี (Benefits)
- ไม่ต้องพึ่งยา ปลอดภัยและเป็นธรรมชาติ
- ออกแบบโปรแกรมฝึกสมองเฉพาะบุคคล
- ได้รับการสนับสนุนจากทีมผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์
- ใช้เทคโนโลยีการวัดผลที่แม่นยำ และวิทยาศาสตร์ที่รองรับ