Empathy vs Sympathy ทักษะใดที่ลูกต้องการ

Empathy vs Sympathy ในการเลี้ยงลูก ทักษะใดที่ลูกต้องการมากกว่ากัน ?

เลี้ยงลูกให้เป็นคนที่มีจิตใจดี เข้าใจความรู้สึกของผู้อื่น เป็นสิ่งที่พ่อแม่ทุกคนปรารถนา แต่คำถามที่สำคัญคือ เราควรสอนให้ลูกมี Empathy หรือ Sympathy มากกว่ากัน? ทั้งสองคำนี้แม้จะดูคล้ายกัน แต่มีความหมายและผลกระทบที่แตกต่างกันอย่างมาก

สารบัญ

ความแตกต่างระหว่าง Empathy และ Sympathy

เหตุใดเราควรสอน Empathy มากกว่า Sympathy

วิธีการเลี้ยงลูกให้มี Empathy

ข้อควรระวังในการพัฒนา Empathy

กิจกรรมเสริมสร้าง Empathy ในเด็ก

ผลลัพธ์ของการเลี้ยงลูกด้วย Empathy

สรุป Empathy เป็นกุญแจสำคัญในการเลี้ยงลูก

ความแตกต่างระหว่าง Empathy และ Sympathy

Empathy คืออะไร?

Empathy หรือ “การเอาใจเขามาใส่ใจเรา” คือ ความสามารถในการเข้าใจและรู้สึกในสิ่งที่คนอื่นกำลังรู้สึก เสมือนหนึ่งเราอยู่ในสถานการณ์เดียวกับเขา เป็นการ “ก้าวเข้าไปในรองเท้าของคนอื่น” อย่างแท้จริง

ตัวอย่าง

เมื่อเพื่อนของลูกร้องไห้เพราะสัตว์เลี้ยงตาย ลูกที่มี Empathy จะรู้สึกเศร้าไปด้วย และเข้าใจว่าการสูญเสียสัตว์เลี้ยงทำให้เจ็บปวดแค่ไหน

Sympathy คืออะไร?

Sympathy หรือ “ความเห็นใจ” คือ ความรู้สึกสงสารหรือเสียใจกับความทุกข์ของผู้อื่น โดยไม่จำเป็นต้องรู้สึกเหมือนกับเขา เป็นการมองจากภายนอกและแสดงความห่วงใย

ตัวอย่าง

เมื่อเห็นเพื่อนร้องไห้ ลูกที่มี Sympathy จะรู้สึกเสียใจที่เพื่อนเศร้า และพยายามปรอบใจ แต่ไม่ได้รู้สึกเศร้าไปด้วย

เหตุใดเราควรสอน Empathy

เหตุใดเราควรสอน Empathy มากกว่า Sympathy

1. Empathy สร้างความเชื่อมโยงที่แท้จริง

เมื่อลูกมี Empathy เขาจะสามารถเข้าใจความรู้สึกของผู้อื่นได้อย่างลึกซึ้ง ทำให้สร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นและมีความหมาย การเลี้ยงลูกให้มี Empathy จะช่วยให้เขาเป็นเพื่อนที่ดี คู่ครองที่เข้าใจ และเป็นคนที่สังคมต้องการ

2. Empathy ป้องกันการกลั่นแกล้ง

เด็กที่มี Empathy จะไม่ทำร้ายคนอื่น เพราะเขารู้สึกได้ว่าการกระทำของเขาจะส่งผลกระทบต่อความรู้สึกของผู้อื่นอย่างไร นี่คือเหตุผลสำคัญที่การเลี้ยงลูกด้วย Empathy ช่วยลดปัญหาการกลั่นแกล้งในโรงเรียน

3. Empathy พัฒนาความฉลาดทางอารมณ์

การมี Empathy ช่วยให้ลูกเข้าใจอารมณ์ตัวเองและผู้อื่นได้ดีขึ้น เป็นพื้นฐานของความฉลาดทางอารมณ์ที่สำคัญต่อความสำเร็จในชีวิต

วิธีการเลี้ยงลูกให้มี Empathy

1. เป็นแบบอย่างด้วยตัวเอง

การเลี้ยงลูกเริ่มต้นจากตัวพ่อแม่ แสดง Empathy ต่อลูกและคนรอบข้าง ลูกจะเรียนรู้จากการดูและเลียนแบบ

  • เมื่อลูกร้องไห้ อย่าบอกว่า “ไม่เป็นไร” แต่จงบอกว่า “แม่เข้าใจว่าลูกเศร้า”
  • แสดง Empathy ต่อคนอื่นต่อหน้าลูก เช่น “คุณยายคงเหนื่อยมาก เดินขึ้นบันไดหลายชั้น”

2. สอนให้ลูกสังเกตความรู้สึกของผู้อื่น

  • ถามลูกว่า “เพื่อนรู้สึกยังไงเมื่อของเล่นหัก?”
  • อ่านหนังสือและคุยเกี่ยวกับความรู้สึกของตัวละคร
  • เล่นเกมสวมบทบาท ให้ลูกลองเป็นคนอื่น

3. หลีกเลี่ยงการตัดสิน

เมื่อลูกแสดงความรู้สึก อย่าด่วนตัดสินว่าถูกหรือผิด แต่ให้พยายามเข้าใจเหตุผลของเขา การเลี้ยงลูกด้วยวิธีนี้จะสอนให้เขาเข้าใจคนอื่นได้ดีขึ้น

4. ใช้คำถามเปิด

  • “ลูกคิดว่าเพื่อนรู้สึกยังไงบ้าง?”
  • “ถ้าลูกเป็นเขา ลูกจะรู้สึกอย่างไร?”
  • “เราจะช่วยให้เขารู้สึกดีขึ้นได้ยังไง?”

ข้อควรระวังในการพัฒนา Empathy

1. สมดุลระหว่าง Empathy กับการดูแลตัวเอง

Empathy มากเกินไปอาจทำให้ลูกรับภาระอารมณ์ของผู้อื่นมากเกินไป สอนให้ลูกเข้าใจความรู้สึกของผู้อื่น แต่ไม่ต้องแบกรับทุกสิ่งเป็นของตัวเอง

2. แยกแยะระหว่างความรู้สึกกับการกระทำ

เข้าใจความรู้สึกของคนที่ทำผิดไม่ได้หมายความว่าจะยอมรับพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม การเลี้ยงลูกต้องสอนให้แยกแยะนี้ได้

3. ไม่บังคับให้รู้สึก

หากลูกยังไม่เข้าใจความรู้สึกของผู้อื่นในบางสถานการณ์ อย่าบังคับ ให้เวลาและอดทนแนะนำ

กิจกรรมเสริม สร้าง Empathy ในเด็ก

กิจกรรมเสริมสร้าง Empathy ในเด็ก

สำหรับเด็กเล็ก (2-5 ปี)

  • เล่นตุ๊กตา สวมบทบาทเป็นคนต่างๆ
  • อ่านหนังสือภาพที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับความรู้สึก
  • ร้องเพลงเกี่ยวกับอารมณ์

สำหรับเด็กโต (6-12 ปี)

  • ดูหนังและคุยเกี่ยวกับความรู้สึกของตัวละคร
  • เล่นบทบาทสมมติสถานการณ์ต่างๆ
  • ทำกิจกรรมช่วยเหลือผู้อื่นในชุมชน

สำหรับวัยรุ่น (13+ ปี)

  • อภิปรายประเด็นสังคมและมุมมองที่แตกต่าง
  • เข้าร่วมกิจกรรมอาสาสมัคร
  • แลกเปลี่ยนประสบการณ์และความรู้สึก

ผลลัพธ์ของการเลี้ยงลูกด้วย Empathy

เด็กที่เติบโตมาด้วย Empathy จะมีคุณสมบัติดังนี้

  • มีความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่น
  • เป็นผู้นำที่มีประสิทธิภาพ
  • แก้ปัญหาความขัดแย้งได้ดี
  • มีความสุขในชีวิตมากขึ้น
  • ประสบความสำเร็จทั้งในหน้าที่การงานและชีวิตส่วนตัว

สรุป Empathy เป็นกุญแจสำคัญในการเลี้ยงลูก

การเลี้ยงลูกให้มี Empathy มากกว่า Sympathy จะช่วยให้เขาเติบโตเป็นคนที่มีคุณภาพ เข้าใจผู้อื่น และสร้างความสัมพันธ์ที่มีความหมาย แม้ว่า Sympathy จะมีความสำคัญ แต่ Empathy จะสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งกว่าสำหรับการเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์

อย่างไรก็ตาม การพัฒนา Empathy ในลูกนั้นไม่ใช่เพียงแค่การสอนเรื่องอารมณ์เท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับการทำงานของสมองในด้านต่างๆ เช่น การเข้าใจภาษา การจดจำ หรือการคิดอย่างมีเหตุผล ซึ่งเป็นทักษะสำคัญที่ส่งผลต่อทั้งความสัมพันธ์และการเรียนรู้ในชีวิตประจำวัน

ที่ Brain and Life Center เราเข้าใจดีว่าทุกเด็กมีความแตกต่าง การรู้จุดแข็งและจุดที่ต้องพัฒนาในแต่ละด้านจึงเป็นกุญแจสำคัญ เราจึงขอแนะนำ GIBSON Test of Cognitive Skills (GTCS) – แบบทดสอบมาตรฐานระดับสากล ที่พัฒนาจากทฤษฎี Cattell-Horn-Carroll เพื่อประเมินทักษะสมองที่สำคัญ เช่น

  • ความเข้าใจ
  • การใช้ภาษา
  • การจดจำ
  • ความเร็วในการคิด

เริ่มต้นวันนี้ เพื่ออนาคตที่ดีของลูก
เพราะความเข้าใจที่ลึกซึ้งในตัวลูก…เริ่มได้จากการเข้าใจการทำงานของสมองเขาก่อน

Gibson Test_CTA

อ่านเพิ่มเติม

7 วิธีพัฒนาสมองลูก ที่ช่วยสอนเด็กสมาธิสั้นให้โฟกัสดีขึ้น

ฝึกสมอง เก่งคณิตศาสตร์ โดยไม่ต้องพึ่งติวเตอร์

เทคนิคการจำ ทำยังไงให้จำได้นานๆ

This will close in 0 seconds